26/04/2024

โลกจับตา 16 ตุลาคม

 

 

บทความพิเศษ

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2022 จะได้รับการบันทึกว่าเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์จีนอีกหน้าหนึ่ง ด้วยเป็นวันประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  พรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลกกว่า 80 ล้านคนที่เพิ่งฉลอง 100 ปีเมื่อปี 2021  โดยวันนี้มีผู้แทนพรรคจากทั่วประเทศจำนวน 2,296 คน เดินทางมาร่วมประชุมที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง

การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน จัดขึ้นเป็นประจำทุก 5 ปีเพื่อสรุปผลงานในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา  สิ่งที่ประสบความสำเร็จและต้องปรับปรุง  มีการวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ  มีการเสนอแผนงานเชิงยุทธศาสตร์สำหรับ 5 ปีข้างหน้า  และการเดินหน้าสู่เป้าหมายสูงสุดของพรรคที่ได้กำหนดไว้ในระยะยาว

ปีนี้มีวาระสำคัญที่โลกต้องจับตาคือการเสนอให้ สี จิ้นผิง  ผู้นำวัย 69 ปีที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีต่อเนื่องมาแล้ว 2 สมัย  ให้รั้งตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3  โดยก่อนหน้านี้ในปี 2018 ได้มีกระบวนการสร้างเหตุผลและความชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกข้อกำหนดที่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนต่อเนื่องไม่เกิน2สมัย10 ปี  ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ เติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำรุ่นที่2ได้กำหนดไว้

 

สี จิ้นผิง

 

ปี 2012 สี จิ้นผิง ได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 1

ปี 2017 สี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2

ปี 2022 วันที่ 16 ตุลาคม จึงจะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของจีนเมื่อสี จิ้นผิง ได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 3

การปูทางการเมืองล่วงหน้าไว้ยาวนาน  ความมั่นใจว่าจะได้บริหารต่อเนื่องอีก 5 ปี ทำให้สี จิ้งผิง กล้าจะกล่าวไว้เมื่อเร็วๆนี้ว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 จะเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ ขณะที่จีนกำลังเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ไปสู่การสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างสมบูรณ์

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประกาศเป้าหมายแห่งศตวรรษไว้ 2 ข้อ  คือการสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุมภาย  นำพาประชาชนเอาชนะความยากจนในปี 2021 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรค  และการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2049 ในวาระครบรอบ 100 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

มหาศาลาประชาชน

 

ก่อนจะถึงปี 2049 ซึ่งตอนนั้นสี จิ้นผิง จะมีอายุ 96 ปีแล้วถ้ายังอยู่ถึง  ผู้นำสีจึงตั้งเป้าหมายครึ่งทางไว้ว่าจีนควรบรรลุ ความทันสมัยแบบสังคมนิยมขั้นพื้นฐานในปี 2035 ที่เน้นพัฒนาเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มประเทศนวัตกรรม

และควรจะบรรลุความเป็นอุตสาหกรรม การสร้างข้อมูลสารสนเทศ ความเป็นเมือง และความทันสมัยทางการเกษตรรูปแบบใหม่ รวมถึงการจัดตั้งระบบเศรษฐกิจอันทันสมัย

การมุ่งมั่นพัฒนาชาติโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนประกอบกับความมั่นคงทางการเมืองจนบรรลุผลดังเช่นการแก้ปัญหาความยากจน  การยกระดับเศรษฐกิจ  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  การก้าวสู่ภายนอกด้วยอภิมหาโครงการ “เส้นทางสายไหมยุคใหม่” คือผลงานอันโดดเด่นในรอบ 10 ปีของสี จิ้นผิง

แต่ในทางการเมืองระหว่างประเทศคือผลงานที่สร้างความหวาดกลัวต่อมหาอำนาจเดิม  ผู้กำหนดระเบียบโลกเก่าอย่างสหรัฐอเมริกาและกลุ่มพันธมิตร  ที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจนต้องรวมหัวกัน “คุมกำเนิดจีน”  ต้องการกดหัวเอาไว้ไม่ให้เติบโตเกินหน้า  อันเป็นที่มาของสงครามการค้า  การเล่นงานด้านเทคโนโลยี  รวมไปถึงการแทรกแซงทางการเมืองอย่างกรณีม็อบฮ่องกง และการเสี้ยมไต้หวันให้แข็งข้อต่อจีน  ขายอาวุธให้อย่างเป็นล่ำเป็นสันทั้งๆที่บอกว่าเคารพนโยบาย “จีนเดียว

แม้จะพอเป็นที่รู้กันว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ดูเหมือนเป็นหนึ่งเดียว  แต่ภายในก็มีกลุ่มก้อน มีสายเหยี่ยว สายพิราบ  ทั้งที่สนับสนุนและต่อต้านการผูกขาดอำนาจของสี จิ้นผิง

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่จีนต้องเผชิญทั้งปัญหาภายในอย่างฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก  ผลกระทบจากโควิด-19  การคอรัปชั่นของข้าราชการที่ฝังรากอยู่ในวัฒนธรรม  การกระจายความมั่งคั่งที่ยังกระจุกอยู่กับผู้ทรงอิทธิพลจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประชากรกว่า 1,400 ล้านคน

ขณะที่ปัญหาภายนอกที่หนักหน่วงคือการรุมกินโต๊ะจากกลุ่มมหาอำนาจตะวันตกที่ยังต้องการครอบครองอิทธิพลในเวทีโลกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่เคยได้  โดยใช้วิธีการที่ไม่เคารพกติกาสากลทั้งซึ่งหน้าและลับหลัง  ทั้งสงครามเย็นและสงครามร้อน

พรรคคอมมิวนิสต์จีนย่อมเห็นแล้วว่าความท้าทายทั้งภายในและภายนอกในยามนี้มีเพียงสี จิ้นผิง เท่านั้นที่เหมาะสมจะนำจีนเผชิญหน้าได้อย่างสมศักดิ์ศรีและทันเกม เพื่อเดินหน้าให้บรรลุจุดหมายที่ตั้งไว้

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *