73 ปีจีนใหม่ ใกล้บรรลุฝัน
โดย…….. นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ
เมื่อ สี จิ้นผิง ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2012 เขาได้ประกาศภารกิจหลักของการเป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีนคือ การนำพาคนในชาติร่วมกันฟื้นฟูประเทศเพื่อบรรลุถึง “ความฝันของจีน” อันได้แก่ การแก้ไขปัญหาความยากจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การสร้างความมั่งคั่งด้วยระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมที่ทันสมัยแบบจีน และพัฒนากองทัพเพื่อให้จีนกลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้ง
เป้าหมายสำคัญสูงสุดที่สี จิ้นผิง กำหนดเป็น 2 เป้าหมายแห่งศตวรรษ ได้แก่ “การสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุม” ภายในปี 2021 ในวาระครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“เราบรรลุเป้าหมายแรกแล้ว นั่นคือ การสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุม” สี ประกาศในพิธีฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2021
ส่วนเป้าหมายที่สองคือ “การสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัย พร้อมด้วยความเจริญรุ่งเรือง ความแข็งแกร่ง ความเสมอภาค ความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ภายในปี 2049 ในวาระครบรอบ 100 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
สี จิ้นผิง
นับตั้งแต่การสถาปนา “จีนใหม่” จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 73 ปีแล้วที่ผู้นำจีนและรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยได้พยายามสานต่อความฝันในการฟื้นฟูประเทศ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศชาติ
ผลงานที่โดดเด่นที่โลกยอมรับ แม้แต่ชาติตะวันตกยังต้องยอมรับคือในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมาที่จีนเริ่มต้นการปฏิรูปและเปิดประเทศ สามารถลดจำนวนคนยากจนลงได้มากกว่า 850 ล้านคน ในปี 1972 มีคนยากจนในชนบท 770 ล้านคน อัตราความยากจน 97.5% ถึงปี 2018 คนยากจนในชนบทลดเหลือ 16.6 ล้านคน อัตราความยากจนเหลือ 1.7%
ปี 1952 รายได้เฉลี่ยต่อคนแค่ 119 หยวน(ประมาณ595 บาท) ถึงปี 2018 รายได้เฉลี่ยเพิ่มเป็น 9,732 เหรียญสหรัฐฯ(ประมาณ291,960บาท) ปี 2019 จีดีพีของจีนมีเกือบ 100 ล้านล้านหยวน และปี2020 จีดีพีเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ(มากกว่า 300,000บาท)
ปี 2020 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 13 ของจีน (2016-2020) ที่จีนตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องหลุดพ้นความยากจนอย่างสิ้นเชิง จีนก็ทำได้สำเร็จ รัฐบาลแจ้งว่าประชากรในชนบทที่มีความยากจนกว่า 55.75 ล้านคน หลุดพ้นจากความยากจนได้
โดยสี จิ้นผิง กล่าวในปี 2021ว่า “เป็นปาฎิหาริย์ที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์”
ปรากฏการณ์หนึ่งในสังคมจีนอันเป็นรอยต่อระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ คือคนรุ่นเก่าที่เคยผ่านความยากลำบาก เคยอดอยาก ต้องขุดเผือกมันมากินแทนข้าว ยังคุ้นชินกับการกินอยู่อย่างประหยัด
แต่เด็กจีนยุคใหม่กลายเป็นนักบริโภคที่แสวงหาอาหารแปลกใหม่มาเปิบพิสดาร หรือกินโชว์ทางออนไลน์ แต่ยังมีพฤติกรรม “กินทิ้งกินขว้าง” อย่างไม่เห็นคุณค่าของอาหารเพราะเกิดมาแบบไม่เคยอดอยาก จนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทนไม่ไหวต้องส่งเสียงบ่นดังๆให้ได้ยินกันทั้งประเทศ จนภาครัฐและเอกชนต้องตื่นขึ้นมาทำการรณรงค์ครั้งใหญ่ด้วยแคมเปญ “กินให้เกลี้ยงจาน”
องค์การระหว่างประเทศเคยมีการประเมินอาหารเหลือทิ้งทั่วประเทศจีนในแต่ละปีว่ารวมกันมากถึง 18 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอจะเลี้ยงผู้คนที่อดอยากได้ 30-50 ล้านคน
ความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจนอดอยากมีผลให้ชาวจีนมีอายุเฉลี่ยมากขึ้น ยิ่งกินดีอยู่ดีมีเวลาพักผ่อน ได้ออกกำลังกาย วันนี้จึงได้เห็นผู้สูงอายุเต็มบ้านเต็มเมือง
ในปี 1949 ที่เริ่มสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรอยู่เพียง 540 ล้านคน ด้วยความอดอยากยากจน คนจีนเมื่อ 7 ทศวรรษก่อนมีอายุเฉลี่ยเพียง 35 ปี อัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดในขณะนั้นคือ 200 ต่อ 1,000
วันนี้จีนมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 264 ล้านคน คิดเป็น 18.7% ของจำนวนประชากร และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 300 ล้านคนในปี 2025 และขยับขึ้นเป็น 487 ล้านคนในปี 2050 หรือสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของประชากร เรียกได้ว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด(Super-aged Society)
ในปี 1981 อายุเฉลี่ยคนจีนเพิ่มเป็น 67.8 ปี เมื่อถึงปี 2019 อายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 77.3 ปี โดยอัตราการเสียชีวิตของทารกลดลงเหลือ 6.1 ต่อ 1,000 และคาดว่าในปี 2025 อายุเฉลี่ยชาวจีนจะเพิ่มเป็น 78.3 ปี
อีกหนึ่งผลงานที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีของ สี จิ้นผิง คือการเสนอแนวความคิดเรื่อง “เส้นทางสายไหมยุคใหม่” ทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างโลกฝั่งตะวันออกกับตะวันตก ซึ่งระยะแรกเรียกว่า One Belt One Road หรือโครงการ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ต่อมาถูกเรียกว่า Belt and Road Initiative (BRI) หรือ “ข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง” ที่ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีขอบเขตกว้างที่สุดและขนาดใหญ่ที่สุด
รัฐบาลจีนแจ้งว่ามี 172 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศลงนามในเอกสารความร่วมมือ BRI มากกว่า 200 ฉบับกับจีน และจะมากยิ่งขึ้นเมื่อสี จิ้นผิง จะยังเป็นผู้นำของจีนต่อไป
พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ในวันที่ 16 ตุลาคม 2022 ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่า สี จิ้นผิง จะได้ครองอำนาจต่อเนื่องเป็นสมัยที่สาม
สิ่งที่รอสี จิ้นผิง อยู่ในระยะ 5 ปีข้างหน้าคือ สถานการณ์ในประเทศจีนและโลก ทั้งภาวะเศรษฐกิจ การเอาชนะการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความขัดแย้งกับมหาอำนาจตะวันตกที่มองจีนเป็น “ภัยคุกคาม”อันดับหนึ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หมายเหตุ : ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ อปท.นิวส์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 389 วันที่ 1-15 ตุลาคม พ.ศ.2565