จีนสู้โรค : จีนกู้โลก
โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ
นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน
ย้อนเวลาไปเมื่อค่ำวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงข่าวโดยกล่าวถึงผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ที่ระบุว่า สหรัฐอเมริกาครองอันดับ 1 ประเทศที่มีการรับมือกับโรคระบาดดีที่สุดในโลก ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา ไทย สวีเดน เดนมาร์ก เกาหลีใต้ และฟินแลนด์ การแถลงครั้งนั้นมุ่งหวังสร้างความมั่นใจแก่ชาวอเมริกัน 330 ล้านคนมิให้ตื่นตระหนกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ซึ่งขณะนั้นมีชาวอเมริกันติดเชื้อเพียง 57 ราย
แต่มาถึงวันนี้ (4 เมษายน 2563) สหรัฐอเมริกากลายเป็นชาติอันดับ1ที่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 มากที่สุดของโลกจำนวน 277,613 คน เสียชีวิต 7,406 คน ตามมาด้วยประเทศสเปน อิตาลี และเยอรมนี ที่แซงหน้าสาธารณรัฐประชาชนจีนไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่สหราชอาณาจักรที่ทรัมป์บอกว่าเป็นชาติอันดับ 2 ของโลกที่มีความสามารถในการรับมือโรคระบาด แต่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องเก็บตัวในบ้านพักเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่ง เพราะเป็น 1 ในยอดผู้ติดเชื้อCOVID-19 ของอังกฤษจำนวน 41,903 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 4,313 คน
บทพิสูจน์จีนสู้โรค
ปัจจุบันเชื้อไวรัส COVID-19 ได้แพร่กระจายไปแล้วทั่วโลกจนมียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,139,173 คน เสียชีวิต 61,149 คน รักษาหาย 236,214 คน ซึ่งมีข้อน่าสังเกตุว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่หายป่วยคือชาวจีน 76,755 คน จากยอดผู้ติดเชื้อรวมในจีน 81,639 คน โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวเพียง 1,558 คน
นี่คือบทพิสูจน์ว่าประเทศจีนที่ไม่ติดอันดับความสามารถในการรับมือโรคระบาด ประเทศจีนที่โลกเคยหวั่นวิตกว่าจะรับมือไม่ไหวจะเกิดการล้มตายจำนวนมากเพราะถึงขนาดต้องสั่งปิดเมือง ปิดการคมนาคม สั่งประชาชนอยู่บ้าน ต้องสร้างโรงพยาบาลสนามแบบฉุกเฉิน ต้องระดมแพทย์ พยาบาล มากกว่า4หมื่นคน เวชภัณฑ์จากทั่วประเทศลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นจุดแพร่ระบาดหนักของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นั้น ทำไมต้องทำเช่นนั้นและได้ผลเป็นอย่างไร
มาถึงวันนี้ทั่วทั้งโลกได้ยอมรับแล้วว่าจีนเดินมาถูกทาง วิธีการถูกต้อง การตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการใช้มาตรการเด็ดขาดปิดเมือง ตัดการคมนาคม ให้ประชาชนอยู่กับบ้านเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด แล้วทุ่มเทสรรพกำลังเข้าตรวจและรักษาผู้ป่วยด้วยยาแผนจีนควบคู่กับยาสมัยใหม่สามารถเอาชนะไวรัสร้ายได้ แม้จะมีการติดเชื้อเพิ่มบ้างแต่จีนก็สามารถควบคุมได้ในวงจำกัดและมั่นใจว่าผู้ป่วยจะหมดไปในที่สุด
ส่งความช่วยเหลือนานาประเทศ
ไม่เพียงเอาชนะโรคภัยในบ้านตัวเองเท่านั้น วันนี้จีนยังแสดงศักยภาพและมนุษยธรรมแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จากภัยร้ายไวรัสในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่อง COVID-19 โดยนับแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมจีนได้ส่งความช่วยเหลือด้านการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังนานาประเทศถึงวันนี้รวมกว่า 90 ประเทศ
นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อปลายเดือนมีนาคมว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และในขณะที่จีนยังคงดำเนินการควบคุมไวรัส ก็พยายามที่จะช่วยเหลือบรรดาประเทศที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเท่าที่จะทำได้
“อิตาลี” คือประเทศที่จีนให้ความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน อิตาลีเคยได้รับการยกย่องว่ามีระบบสาธารณสุขดีอันดับต้นๆของยุโรปและมีผู้สูงอายุสุขภาพดีจำนวนมาก แต่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในสหภาพยุโรปและในโลก วันนี้มียอด ผู้เสียชีวิตมากกว่า 14,680 คน จีนให้การช่วยเหลือมากเป็นพิเศษด้วยความสัมพันธ์อันดีในประวัติศาสตร์ มีการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พร้อมเวชภัณฑ์และอุปกรณ์จำนวนมากเพื่อช่วยแบ่งปันประสบการณ์การรักษา การป้องกันและการควบคุมโรคแก่บรรดาโรงพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญของอิตาลี
ในแถบอาเซียนนอกจากพม่า ลาว ฟิลิปปินส์ สำหรับประเทศไทยซึ่งมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับจีน รัฐบาลจีนได้ส่งมอบเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยาซึ่งประกอบด้วยหน้ากากอนามัย หน้ากากN95 ชุดป้องกัน และชุดตรวจเชื้อไวรัส แก่รัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
นอกจากความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนแล้ว รัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทต่าง ๆ ของจีนก็จะให้ความช่วยเหลือเช่นกัน โดยรัฐบาลท้องถิ่นของจีนได้บริจาคเวชภัณฑ์ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นของหลายประเทศ ส่วนวิสาหกิจจีนได้บริจาคสิ่งของที่จำเป็นไปยังหลายสิบประเทศ นอกจากนี้บริษัทต่างชาติที่มีการลงทุนจากประเทศจีนหลายแห่งก็ได้บริจาคเวชภัณฑ์และสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
หนึ่งในตัวอย่างบทบาทภาคเอกชนจีนคือ “แจ็คหม่า” มหาเศรษฐีของจีนช่วยนับสิบประเทศในนามมูลนิธิแจ็ค หม่า และมูลนิธิอาลีบาบา โดยการบริจาคหน้ากากอนามันกว่า 2 ล้านชิ้นแก่ประเทศในอาเซียน แจ็คหม่าขอบคุณไทยที่ช่วยดูแลคนจีนที่ป่วยในไทยจนหายและกลับบ้านได้ เขาบริจาคหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน อุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนหนึ่งแก่ไทย
แสดงเจตนารมย์ในเวทีG20
ในการร่วมประชุมสุดยอดผู้นำประเทศและภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ G 20 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่าประเทศจีนซึ่งมีวิสัยทัศน์แห่งการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติเป็นหลักนำทาง วันนี้จีนมีความพร้อมมากกว่าเดิมในการแบ่งปันวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและให้ความช่วยเหลือตามกำลังแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด
“เป็นเรื่องจำเป็นที่นานาชาติจะต้องรวบรวมพลังและเร่งการวิจัยและพัฒนายา วัคซีน และความสามารถในการทดสอบโรค ด้วยความหวังที่จะบรรลุความก้าวหน้าได้ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อประโยชน์ของทุกคน”สีกล่าว
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวด้วยว่า สิ่งที่จีนจะทำในเรื่องนี้ได้แก่การขยายคลังสารออกฤทธิ์ทางยา (API) ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน สินค้าป้องกันการแพร่ระบาด และสินค้าอื่นๆ สู่ตลาดระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่าจีนจะเดินหน้ายกระดับการปฏิรูปเปิดประเทศ และมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่มีเสถียรภาพ
บทบาทผู้นำกอบกู้โลก
ก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั่วโลกรู้เห็นว่าอเมริกาทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีนและหาเรื่องทำสงครามการค้าเพื่อสกัดกั้นการเติบโตของจีน ครั้นเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส ประธานาธิบดีทรัมป์ก็เอ่ยปากเรียกโรคระบาดCOVID-19 หลายครั้งในเชิงเหยียดหยามและถากถางว่า “ไวรัสจีน” (Chinese Virus)
แต่ในวันนี้ที่อเมริกากำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อกลายเป็นจุดแดงเข้มของการแพร่ระบาดของโลก และยังหันรีหันขวางไม่รู้จะกู้สถานการณ์อย่างไร แค่จะปิดชายหาดก็ยังปิดไม่ได้เพราะคนอเมริกันส่วนหนึ่งยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว อ้างเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลในการอาบแดด ครั้นจะปิดนิวยอร์คที่เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดก็ถูกคัดค้านว่าจะกระทบตลาดเงินและตลาดหุ้น ที่สำคัญคือการอ้างว่า “ไม่เกิดผล ไม่เป็นอเมริกัน”
อย่างไรก็ตามในช่วงหลังสุดที่สองประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ได้ต่อสายตรงคุยกัน ท่าทีของทรัมป์ได้เปลี่ยนไปโดยบอกในทวิตเตอร์ว่า “จีนกำลังก้าวผ่านไปได้เยอะแล้ว และได้พัฒนาความรู้ความเข้าใจอันแข็งแกร่งเกี่ยวกับไวรัสนี้ เรากำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เคารพนับถือมาก”
สุภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า “การเอาชนะข้าศึกโดยไม่ต้องใช้กำลังถือว่าเป็นสุดยอดชัยชนะ” ท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับไวรัส COVID-19 ในขณะนี้ จีนกำลังแสดงบทบาทผู้นำของการต่อสู้กับภัยร้ายที่มี
ต่อมนุษย์ กำลังแสดงน้ำใจให้การช่วยเหลือนานาประเทศโดยมิได้เลือกมิตรหรือศัตรู นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการชนะศึก เพราะเป็นการ “ได้ใจได้มิตร” จากมวลมนุษยชาติ ที่ต่อให้มีอาวุธทรงอานุภาพในมือหรือพลังอำนาจเหนือปฐพีก็มิอาจบีบบังคับกันได้
หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบจาก Xinhuathai.com