25/04/2024

มองมุมมายด์ เลือกตั้ง’66

 

ช่วงปี 2563 ที่มีการชุมนุมทางการเมืองเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ให้ยุบสภา  ให้ผู้นำรัฐบาลลาออกจากตำแหน่งนั้น  หญิงสาวคนหนึ่งที่เข้าร่วมการชุมนุมได้กลายเป็นจุดสนใจของสังคมจากการขึ้นพูดบนเวที  จากการนำขบวน  จากการตกเป็นจำเลยในคดีความนับสิบคดี  จนกระทั่งในการชุมนุมครั้งหลังสุดเมื่อปลายปี 2565 ระหว่างการประชุม APEC 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ  แล้วเธอก็เงียบหายไป

ภัสราวลี  ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “น้องมายด์” คือหญิงสาวที่เรากล่าวถึง  โดยกองบรรณาธิการได้นัดหมายกันในช่วงสายวันหนึ่งเพื่อพูดคุยถึงการเมืองไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ  นั่นคือการเลือกตั้งใหญ่ 2566 ที่กำลังจะมาถึง  แล้วเธอในภาพของเยาวชนคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้ามีความคิดเห็นอย่างไร

 

การเมืองไทยกับการเลือกตั้งครั้งนี้

ตอนนี้มีการแย่งชิงอำนาจกันมากระหว่างขั้วเดิมที่มาจากการรัฐประหาร  กับขั้วที่มองว่าตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่หวังจะได้เป็นรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศไม่ให้ซ้ำรอย 8 ปีที่ผ่านมา

มันจะเกิดความเข้มข้นในการต่อสู้ทั้งเชิงนโยบายและเชิงการเมืองรูปแบบเก่า  เช่นการพยายามจับมือกัน  การพยายามซื้อตัว  หรือการพยายามจัดตั้งในแต่ละพื้นที่ภูมิภาค

มีความไม่มั่นคงอะไรบางอย่างที่สะท้อนออกมาของรัฐบาลชุดนี้ที่มาจากคสช.  ที่สามารถมองได้สองอย่าง  หนึ่งคือการเล่นละครหรือเปล่า  ที่ดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรแตกคอกัน  แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่  เป็นแค่ละครและกำลังมีการดิวลับหลังกันอยู่  เพราะการกระจายตัวของสองคนนี้ย่อมเป็นผลดีกับพรรคพลังประชารัฐที่ได้ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ช้ำมา 8 ปีแล้ว ขายไม่ออก หลายพรรคได้ปฏิเสธชัดเจนว่าจะไม่จับมือกับพล.อ.ประยุทธ์  แต่หากเป็นพล.อ.ประวิตรและพลังประชารัฐก็ไม่แน่  นั่นหมายความว่าพลังประชารัฐกับเจตนารมณ์ เดิมจะเดินต่อได้หากไม่มีพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสมการนี้

 

ภัสราวลี  ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “น้องมายด์

 

วิเคราะห์พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล

ผู้สนับสนุนฝั่งประชาธิปไตยอยากให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลในครั้งต่อไป  เพราะประเมินว่ายังไงพรรคเพื่อไทยจะได้เก้าอี้มากที่สุด  แต่มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่งว่า  พรรคก้าวไกลมีความชัดเจนในเรื่องของการอภิปรายเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน  การรื้อโครงสร้างการเมือง  การแก้ไขระบบราชการ   คงเสี่ยงต่อชนชั้นนำมากๆหากปล่อยให้พรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพราะเขาจะผลักดันตามนโยบายเหล่านั้นแน่นอน  มันจึงยิ่งตอบข่าวลือเข้าไปอีกว่า  ยังไงพรรคเพื่อไทยก็คงไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลเพราะจะเสี่ยงและอันตรายกับพรรคเพื่อไทยที่อาจจะโดนรัฐประหารอีกครั้ง  โดยฝ่ายทหารก็ยังคงห่วงความมั่นคงของกลุ่มก้อนของตัวเอง

หากให้สรุปสั้นๆว่าการเมืองไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้  มันคงเข้มข้นมากซะจนเราอาจจะคาดเดาปลายทางสุดท้ายไม่ถูก  แต่เราจะเห็นทั้งการเมืองแบบเดิมและการเมืองรูปแบบใหม่ห้ำหั่นกันอย่างเข้มข้น  เพราะฝ่ายผู้สนับสนุนที่ทนไม่ไหวกับพล.อ.ประยุทธ์ก็คงจับหาดูการเลือกตั้งครั้งนี้  ทุกๆการเคลื่อนไหวพรรคการเมืองพวกเขาจับตาดูหมด  พรรคการเมืองจึงต้องหากลเม็ดในการให้ตนเองเดินต่อไปให้ได้

การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ถูกฝากความหวังไว้กับคนหลายกลุ่ม  ฝั่งที่ทนไม่ไหวกับพล.อ.ประยุทธ์ก็หวังว่าเราจะได้เปลี่ยนรัฐบาลเพื่อให้สามารถลืมตาอ้าปากได้  ต่อมาคืออยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจแบบเดิม  แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ  ผู้สนับสนุนส่วนหนึ่งจะอกหักและรู้สึกเหมือนโดนทรยศ  เพราะเหมือนกับกลับไปจับมือกับรัฐบาลทหาร

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาถึงปัจจุบันมีการถกเถียงกันมากระหว่างFCของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล  เกิดการตั้งคำถามว่าเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า  มีFCเก่าหลายคนเอนใจไปให้ก้าวไกลเพราะรู้สึกว่าเพื่อไทยจะเล่นการเมืองแบบเดิม  ไม่กล้าพอที่จะรื้อโครงสร้างที่เป็นปัญหาหลัก  แต่เลือกที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนเพื่อจะให้ประเทศเดินไปต่อได้ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์คนส่วนหนึ่งที่อยากได้การเปลี่ยนแปลง  อาจจะรวมถึงคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี2553 บางส่วนด้วย

พอเกิดความไม่เชื่อมั่นอะไรบางอย่างเช่นนี้  เกิดประเด็นขึ้นในโลกออนไลน์  ว่าจริงๆแล้วเพื่อไทยมุ่งหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่ออะไรกันแน่  ยิ่งมีข่าวลือว่าเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาอีก  จึงเป็นกำแพงใหญ่สำหรับเพื่อไทยที่จะให้FCของเขาหรือคนที่เคยเป็นFCกลับมาเชื่อมั่นและเลือกเขาอีกครั้ง

เชื่อว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะมีFCเก่าของเพื่อไทยที่โอนไปก้าวไกล  ในบางเขตของหัวเมืองที่เป็นคนกลุ่มคนเมือง  ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเอนไปก้าวไกลมากกว่า  โดยเฉพาะในเมืองที่มีมหาวิทยาลัย  เยาวชนคนรุ่นใหม่จะเทเสียงให้พรรคก้าวไกลมาก

แม้พรรคก้าวไกลจะมาจากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ  ด้วยยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลบางอย่างอาจทำให้ความเป็นนักสู้เดิมถูกกลืนไปกับระบบการเมือง  ซึ่งนั่นคือปัญหาหนึ่งที่คนเริ่มชั่งใจว่าก้าวไกลจะยังเป็นแบบอนาคตใหม่ไหม  หรือจะเป็นแบบพรรคการเมืองเดิมๆอีกแล้ว  แต่พอมีเพื่อไทยเข้ามาเปรียบเทียบตอนนี้คนก็ต้องเลือกในตัวเลือกที่มีในสิ่งที่เขามั่นใจที่สุด  ข้อครหาของเพื่อไทยตอนนี้กลับทำให้คะแนนนิยมของก้าวไกลกลับมาอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งอาจจะเทียบเท่ากับหรืออาจจะมากกว่าสมัยอนาคตใหม่ก็ได้  เพราะไปดึงคนกลุ่มหนึ่งที่อึดอัดมาตลอด 8 ปีให้มาร่วมเจตนารมณ์เดียวกัน  ว่าอยากจะรื้อโครงสร้างอำนาจเดิมก่อนที่จะสู้กับปัญหาเฉพาะหน้า  เพราะรู้สึกว่าเป็นการแก้จากต้นตอมากที่สุดและเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว

 

 

มุมมองต่อพรรคภูมิใจไทย         

พรรคภูมิใจไทยอยู่ที่ไหนก็ได้  เขาวางตำแหน่งตัวเองไว้ในจุดที่ลอยตัวเหนือความขัดแย้งอย่างแท้จริง  เขามีทุน  เขามีเป้าหมายเดียวคือการผลักดันนโยบายที่จะตอบสนองต่อทุนของพวกเขา  ซึ่งหมายความว่าเขาพร้อมที่จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่เขาได้ผลประโยชน์และได้อยู่ในจุดที่มีอำนาจในการกุมทรัพยากรอะไรบางอย่างด้วย  ฉะนั้นไม่ว่าจะพลังประชารัฐหรือเพื่อไทยขึ้นภูมิใจไทยก็อยู่ได้หมด  เห็นได้ชัดว่าภูมิใจไทยรอบนี้เนื้อหอมมาก  พลังดูดเยอะมาก  มีแต่คนเดินเข้าไปโดยไม่รู้ว่าจะด้วยเหตุผลใด  หรืออาจจะดูว่าเป็นพรรคที่มั่นคงที่สุดแล้วที่จะรักษาตำแหน่งของตัวเอง  นโยบายกัญชาที่เขาผลักดันมาตั้งแต่แรกที่ยังไม่เสร็จ  เขาคงต้องการเข้าสู่อำนาจเพื่อทำตรงนี้ต่อให้ได้เพราะเป็นวงจรธุรกิจในระยะยาว

ภูมิใจไทยคงไม่มีเสียงมากพอจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลและเขาก็คงไม่อยากเป็นแกน  เพราะนั่นมันเสี่ยงเกินไป  ไม่เหมาะสำหรับพวกเขา  พวกเขาแค่อยากมีส่วนร่วมในการกุมอำนาจและก…แบบสบายๆดีกว่า   เหมาะกับพวกเขามากกว่า

 

พรรครวมไทยสร้างชาติ

กำลังประเมินว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเป้าหลอกหรือเปล่าในการเอาพล.อ.ประยุทธ์ออกจากพลังประชารัฐ  แค่ทำให้พลังประชารัฐมีความชอบธรรมมากขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าหรือเปล่า  ส่วนตัวมองว่าพล.อ.ประยุทธ์เองคงไม่อยากอยู่ในอำนาจขนาดนั้น  เพราะ 8 ปีที่ผ่านมานี้ช้ำหนักมาก  พล.อ.ประยุทธ์เองอาจจะไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีในหลายอย่าง  เขาเป็นแค่มือไม้บางอย่าง  การดีดตัวเองออกมาเป็นรวมไทยสร้างชาตินั้นส่งผลดีมากต่อพลังประชารัฐ  เขาทำเหมือนตัวเองเป็นคู่แข่งทางการเมือง  หรือสร้างละครหลอกๆในการตีกันในกลุ่ม 3 ป หรือแตกคอกัน  ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วส่วนตัวไม่เชื่อว่า 3 ป จะแตกกันได้  เขาเหนียวแน่นกันมาก

เชื่อว่าใจจริงพล.อ.ประยุทธ์อยากจะลงแล้ว  คิดว่าเขาพอแล้ว  แต่แค่มีบางอย่างที่ยังลงไม่ได้  จนถึงตอนนี้ตอนสุดท้ายเขาต้องพยายามจบให้สวยที่สุดเพื่อรักษาเจตนารมณ์ หรืออำนาจบางอย่างของคสช.ไว้  รวมถึงชนชั้นนำเดิมด้วย  แต่อีกมุมหนึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์รู้สึกว่าถูกบีบคั้นมากจนต้องหาความปลอดภัยอะไรบางอย่างให้ตัวเอง  ในการเลือกตั้งครั้งนี้เขาคงพยายามหาที่นั่งในสภาให้ได้สักจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขายังมีตัวตนอยู่ในสภา  มีความคุ้มครองจากสภาก่อนจะค่อยๆเฟสหายไป  การที่เขาเอาพรรคพวกเข้าไปด้วยอย่างนักการเมืองที่อยู่ติดข้างตัว  นั่นคือการสร้างทีมเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้ตัวเอง

 

 

พรรคประชาธิปัตย์

ถือเป็นช่วงตกต่ำของประชาธิปัตย์จริงๆแต่ยังไงก็ยังมีเก้าอี้ในสภา  เขามีแฟนคลับที่เหนียวแน่นเป็นเวลานาน  ไม่สูญหาย ยังไม่ตายแต่ใกล้ตาย  เชื่อว่าเสียงจะน้อยกว่าปี 2562  ดูจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เขตที่เคยเป็นของประชาธิปัตย์หายไปหมดแล้ว  กลายเป็นว่ามีแต่เพื่อไทยกับก้าวไกลที่ได้ที่นั่ง สก.ในสภามากกว่าประชาธิปัตย์ทั้งที่เมื่อก่อนกรุงเทพฯคือเมืองของประชาธิปัตย์  มันตอบชัดเจนว่าคนเมืองก็ไม่เชื่อมั่นในหลักการและแนวทางการทำงานของประชาธิปัตย์แล้ว

คนที่เป็นอนุรักษ์นิยม คนที่เคยสนับสนุนประชาธิปัตย์ก็คงเบนตัวเองไปเลือกพลังประชารัฐ  หรือพรรคอื่นๆมากกว่าจะให้เสียงแก่ประชาธิปัตย์  เพราะประชาธิปัตย์ดูไม่แข็งแรงเหมือนเดิม  ดูไม่พัฒนาตนเองไปตามยุคสมัย  ตัวคุณจุรินทร์หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันก็ไม่ป๊อปปูล่ามากพอเมื่อเทียบกับยุคคุณชวนหรือยุคคุณอภิสิทธิ์  ต่างมากจนตัวคุณจุรินทร์แทบจะหายไปจากสมการเลย  หรือถึงแม้จะได้ร่วมรัฐบาลอีกครั้งหากพลังประชารัฐกลับมา  ก็จะเป็นแค่สมการตัวน้อยๆที่ไม่มีพลังต่อรองมากเหมือนเก่า  แค่ยังอยู่รอดต่อไปได้  แต่ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเชื่อว่าเพื่อไทยไม่จับมือประชาธิปัตย์แน่นอน

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับประชาชนอย่างเราๆคือหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลโดยรวมกับพลังประชารัฐ  หรือภูมิใจไทย  โดยมีประชาธิปัตย์กับก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน  นั่นคือหายนะของพรรคฝ่ายค้านที่จะไม่สามารถเป็นฝ่ายค้านที่เต็มศักยภาพ  เพราะความเชื่อทางการเมืองของสองพรรคนี้ต่างกันอย่างสุดขั้ว  นั่นหมายความว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะได้ความสะดวกสบายในการบริหารประเทศอย่างเต็มที่  เพราะฝ่ายค้านจะไม่มีความเป็นเอกภาพ  เวลาโหวตอะไร  หรือไม่ยอมรับกฎหมายไหนที่รัฐบาลเสนอขึ้นมาก็จะเกิดการแตกเสียงกันเพราะคุยกันไม่ได้  ก้าวไกลกับประชาธิปัตย์คิดว่าคุยกันยากมาก

 

การเลือกตั้งกับพลังคนรุ่นใหม่

การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งที่คนไทยสนใจการเลือกตั้งมาก  ด้วยความที่ทุกคนฝากหวังไว้มาก  ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ที่ออกมาตอนปี 2563 แต่อาจจะมีแนวร่วมอื่นที่เป็นชนชั้นกลางที่อาจยังไม่ตัดสินใจเลือกข้างทางการเมือง  แต่เขาทนไม่ไหวกับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้และอยากลืมตาอ้าปากได้มากกว่านี้  เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดในวันเลือกตั้งเขาจะออกมาใช้สิทธิ

การเมืองไทยตอนนี้เปลี่ยนไปจากก่อนหน้าปี 2563 อย่างสิ้นเชิง  ไม่สามารถจะกลับไปอย่างเดิมได้อีกแล้ว  ไม่สามารถจะปิดหูปิดตาคนได้อีกแล้ว  การเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียคือการทำงานทางความคิดที่ประสบผลสำเร็จ  มีการแพร่กระจายความคิดทางสังคมว่า  จริงๆแล้วพวกเราต่างหากคือคนที่มีอำนาจตัวจริงในประเทศ  เราต่างหากที่มีอำนาจเหนือพรรคการเมืองที่พวกเราต้องคอยยกมือไหว้ก่อนหน้านี้  นั่นคือการเปลี่ยนบทบาทและการตั้งบรรทัดฐานใหม่ที่ทำให้ประชาชนค่อนข้างเข้มแข็งมากกว่าเดิม  ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดหนึ่งที่พรรคการเมืองต้องหาทุกกลเม็ดในการแสดงออกมากกว่าเดิม  เพราะใช้วิธีการแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว  ใช้การขายฝันแบบเดิมไม่ได้แล้ว

การเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลง  ถ้าไม่ใช่เปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง  ก็จะเปลี่ยนมุมมองของประชาชนที่มีต่อลักษณะการเมืองไทย  เราจะหวงแหนมากขึ้นหากผลการเลือกตั้งนั้นไม่ได้ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อได้  และเราคงไม่ยอมง่ายๆให้การเมืองวนลูบกลับไปเป็นแบบเดิม  แบบที่พรรคการเมืองพยายามกุมอำนาจทุกอย่าง  บริหารทุกอย่างโดยที่ไม่เห็นหัวประชาชน  ในครั้งนี้เราจะมีตัวตนมากกว่าเดิมไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *