07/05/2024

เดือนแรกปี 65 ห้องชุดกลับมาครองแชมป์ 75%

 

การเปิดตัวโครงการใหม่เดือนมกราคม 2565 มีเพียง 15 โครงการ ซึ่งลดลงจากเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 6 โครงการ แต่มีจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 101% มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 47% เดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 18%

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าเดือนมกราคม 2565 โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่มีเพียง 15 โครงการ ลดลงจากเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 6 โครงการ ถึงแม้จะมีจำนวนโครงการน้อยลง แต่จำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น เนื่องจากพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ขึ้น มีจำนวนหน่วยขายเฉลี่ยต่อโครงการมากขึ้น โดยเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด

จำนวนหน่วยเปิดใหม่เดือนนี้มีทั้งหมด 7,450 หน่วย มากกว่าเดือนธันวาคม 2564 ประมาณ 101% โครงการเปิดใหม่เดือนนี้ ร้อยละ 94 ของจำนวนหน่วยขายพัฒนาโดยผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงทำให้เดือนนี้มีจำนวนอุปทานหน่วยขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ คืออาคารชุด 75.6% รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว 12.2% ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 9.5% ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด

มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการที่เกิดใหม่ในเดือนมกราคม 2565 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 27,513 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 8,746 ล้านบาท ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คืออาคารชุด 67.4% รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว  22.4% ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 7%  ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ประมาณ 3.693 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 5.069 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ออกนอกเมืองมากขึ้น และเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำตามแหล่งงานหรืออาศัยอยู่ในย่านนั้นเป็นสำคัญ

ในด้านอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 18% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 10% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาด คืออาคารชุดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 667 หน่วย ขายได้แล้ว 228 หน่วย (34%) รองลงคืออาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 769 หน่วย ขายได้แล้ว 190 หน่วย (25%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 1,824 หน่วย ขายได้แล้ว 389 หน่วย (21%)

เมื่อพิจารณาถึงผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 6 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ  จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

ในด้านทำเลที่ตั้ง (โปรดดูแผนที่) จะพบว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 2 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 11 โครงการ เช่น ถนนสายไหม ถนนรามอินทรา  ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด ถนนประชาอุทิศ  ถนนบางกรวย-ไทรน้อย  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 2 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านนั้น เช่น ย่านไทรน้อย และปทุมธานี-สามโคก เป็นต้น

ดร.โสภณกล่าวสรุปว่า แม้ห้องชุดจะเปิดตัวมากถึง 75% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดในเดือนนี้ แต่ไม่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทเลย ส่วนอัตราการขายเฉลี่ยต่อเดือน 18% ส่วนใหญ่ก็เป็นยอดขายของห้องชุด จึงถือว่าเดือนนี้ห้องชุดครองแชมป์ทั้งในด้านจำนวนโครงการ จำนวนหน่วย มูลค่าโครงการและยอดขาย

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *