จีน-รัสเซีย รวมกันเราอยู่
โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ
“โอลิมปิกฤดูหนาว 2022” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันที่กรุงปักกิ่ง เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และเชื่อจะปิดลงอย่างน่าประทับใจในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ตามสไตล์ของจีนที่เล็กๆไม่ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องเผยแพร่ภาพไปทั่วโลกย่อมต้องให้ยิ่งใหญ่อลังการ
จบงานนี้จีนจะยังเป็นเจ้าภาพ “พาราลิมปิกฤดูหนาว 2022” มหกรรมกีฬาฤดูหนาวระดับนานาชาติสำหรับนักกีฬาผู้มีความพิการในวันที่ 4-13 มีนาคม ที่กรุงปักกิ่งเช่นเดิม
ในด้านการแข่งขันจีนย่อมไม่ได้หวังกอบโกยเหรียญรางวัลอย่างโอลิมปิกฤดูร้อน เพราะกีฬาฤดูหนาวเป็นความถนัดของประเทศในยุโรปและอเมริกามากกว่า แต่สิ่งที่จีนคาดหวังคือภาพพจน์ของประเทศที่สามารถเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับสากล ดังเช่นที่เคยจัดโอลิมปิกฤดูร้อนมาแล้วในเดือนสิงหาคมปี 2008 ได้อย่างสมบูรณ์แบบและยังเป็นที่ยกย่องของทั่วโลก
แม้ว่าโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้จะมีการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เมื่อ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการทูต ไม่ส่งผู้แทนทางการทูตเข้าร่วม ด้วยเหตุผลว่าเพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน
พร้อมกันนั้นยังกระดิกนิ้วเรียกพันธมิตรผู้ซื่อสัตย์อย่าง ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และแคนาดาให้เข้าร่วมขบวนการบอยคอตด้วยข้ออ้างปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน
การที่ 4 ชาติพันธมิตรจงใจหักหน้าเจ้าภาพไม่ส่งผู้แทนรัฐบาลหรือนักการทูตเข้าร่วมพิธีเปิด จึงทำให้ภาพของ วลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ที่เดินทางไปเข้าร่วมพิธีเปิดและมีนัดเจรจาความเมืองกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน กลายเป็นภาพที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกอีกครั้ง สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของ 2 ผู้นำ 2 มหาอำนาจ
สี จิ้นผิง กับ วลาดิเมีย ปูติน
สี เรียกปูตินว่า “เพื่อนที่ดีที่สุด”
ปูติน เรียกสีว่า “เพื่อนรัก”
นักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชี้ว่า จีนกับรัสเซีย มีประวัติศาสตร์ร่วมกันที่เคยเป็นทั้งมิตร และศัตรูกันมาในอดีต แต่วันนี้ท่าทีของสองผู้นำที่แสดงต่อกัน ข้อตกลงความร่วมมือที่ทำร่วมกันน่าจะบอกกล่าวกับชาวโลกโดยเฉพาะ “กลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตก”ที่รวมหัวกันรุมกินโต๊ะจีนและรัสเซียว่า วันนี้ “หมี กับ มังกร” มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 70 ปี และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับแก๊ง “อินทรี- สิงโต- จิงโจ้ และ บีเวอร์”
ที่กรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดี สี และประธานาธิบดี ปูติน อาศัยความสนใจของชาวโลกที่ติดตามงานโอลิมปิกฤดูหนาว ออกแถลงการณ์ประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านการขยายอิทธิพลขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) และถ่วงดุลอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก
แถลงการณ์ระบุว่าความร่วมมือของสองประเทศไม่มีขีดจำกัด อาทิด้านอวกาศ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปัญญาประดิษฐ์ การควบคุมอินเทอร์เน็ต
จีนและรัสเซียรู้ดีว่าต้องร่วมกันรักษาและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ร่วมกันหายุทธวิธีรับมือกับมาตรการกดดันหรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รวมถึงการโต้กลับและท้าทายการแสดงความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ
เรื่องของจีนกับแรงกดดันจากสหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตกเคยเขียนถึงมาหลายครั้ง ขอสรุปอย่างย่อๆว่าในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดสงครามการค้ากับจีนเป็นหลักเพราะสหรัฐฯขาดทุนการค้ามหาศาล ต่อมายุคโจ ไบเดน ได้หยิบยกเอาเรื่องเก่าอย่างการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงและทิเบต การปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เรื่องทะเลจีนใต้
วันนี้ขอให้น้ำหนักกับรัสเซียว่าในอดีตนั้น “สหภาพโซเวียต”เคยเป็นชาติที่ทรงอำนาจของโลก แต่ผลของสงครามเย็นและการบ่อนทำลายจากโลกตะวันตกทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 กลายเป็น 15 ประเทศเอกราช คงเหลือ “รัสเซีย”ที่ยังเป็นหัวหอกคานอำนาจสหรัฐฯและกลุ่มชาติตะวันตกที่ยังแผ่อิทธิพลไม่หยุดยั้ง และทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิกลาที่จะเล็งเป้าหมายการโจมตีมายังรัสเซียและปูติน ซึ่งเป็นก้างขวางคอชิ้นโตในการขยายอิทธิพลมายังยุโรปตะวันออก
รัสเซียเจอข้อหาเดียวกับจีนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นกรณี ศาลสูงสุดของรัสเซียสั่งปิด Memorial ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนด้วยข้อหารับเงินสนับสนุนจากชาติตะวันตกเป็น “ภัยต่อสาธารณะ”และบ่อนทำลายรัสเซีย
หรือกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เคยเสนอรายงานระบุว่ากองทัพรัสเซีย มีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในดินแดนไครเมีย จับกุมคุมขังผู้ต้องสงสัยโดยไม่มีการสอบสวน ทรมานเพื่อบังคับให้รับสารภาพ
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ตอนที่ไบเดนกับทรัมป์กำลังแข่งขันหาเสียงตำแหน่งประธานาธิบดี สื่ออเมริกันตีข่าวว่ารัสเซียแทรกแซงการเมืองในสหรัฐฯโดยการช่วยเหลือโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ได้นั่งเก้าอี้ทำเนียบขาวต่อเป็นสมัยที่ 2
ก่อนหน้านี้รัสเซียเจอข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงรัฐบาลกลางสหรัฐฯสืบพบการเจาะล้วงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯหลายแห่ง โดยรัสเซียอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการทางไซเบอร์ครั้งนี้
มาถึงสถานการณ์ปัจจุบันรัสเซียตกเป็นจำเลยของสหรัฐฯแอนด์เดอะแก๊งอีกครั้งด้วยข้อกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมจะรุกรานประเทศยูเครน เพราะมีการเกณฑ์กำลังพลนับแสนนายและเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังชายแดน
กองทัพรถถังของรัสเซีย
ไบเดน ได้โชว์ความเป็นตำรวจโลกคุยตรงกับปูติน พร้อมขู่จะคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและอื่นๆหากรัสเซียยกทัพเข้ายูเครน ขณะที่ปูตินบอกกล่าวกับชาวโลกว่า สหรัฐฯพยายามดึงรัสเซียเข้าทำสงคราม
วันนี้ภาพของจีนกับรัสเซียดูเหมือนมหามิตรที่ต้องยืนเอาหลังพิงกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่กำลังห้อมล้อม
ยิ่งสหรัฐฯกับชาติพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นG7 หรือกลุ่ม AUKUS รวมหัวกันบีบจีนและรัสเซียมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ จีน-รัสเซีย ยิ่งต้องจับมือกันให้แน่นขึ้นเท่านั้น เพราะรู้ดีว่างานนี้รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่เราตายแน่ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………
หมายเหตุ : ลงตีพิมพ์ในคอลัมน์โลกของจีน หนังสือพิมพ์ อปท.นิวส์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 374 วันที่ 16-28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565