มาเลเซียคุมเดินทางทั่วประเทศ

กัวลาลัมเปอร์, (ซินหัว) — มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศว่ามาเลเซียจะขยายคำสั่งควบคุมการเดินทางที่อยู่ระหว่างบังคับใช้ในหลายพื้นที่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศจนถึงเดือนมิถุนายน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

มูห์ยิดดินระบุว่าคำสั่งดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ถึง 7 มิถุนายน หลังจากจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงทั่วประเทศ โดยเฉพาะหลังตรวจพบโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ และประชาชนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

“รัฐบาลตัดสินใจดำเนินมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนและควบคุมยอดผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มาเลเซียกำลังเผชิญการระบาดใหญ่ระลอก 3 ที่อาจก่อให้เกิดวิกฤตระดับชาติ” มูห์ยิดดินระบุ

“การตรวจพบโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราแพร่เชื้อสูงขึ้น ระบบสาธารณสุขที่แบกรับภาระหนัก และการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อไม่ให้ประเทศพานพบภัยพิบัติทางสาธารณสุขที่เลวร้ายกว่าเดิม”

ข้อมูลชี้ว่ากิจกรรมสาธารณะ โดยเฉพาะการรวมตัวกันในพื้นที่อับอากาศ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น โดยหนึ่งในคำสั่งที่กำลังจะมีผลบังคับใช้รวมถึงการห้ามเดินทางระหว่างรัฐและระหว่างเขต ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน เดินทางไปทำงาน หรือฉีดวัคซีน พร้อมทั้งห้ามจัดกิจกรรมทางสังคมทุกรูปแบบ ทั้งงานเฉลิมฉลอง งานแต่งงาน และการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด

นอกจากนี้สถาบันการศึกษาจะยังคงปิดทำการและงดการรับประทานอาหารภายในร้าน ส่วนการขับขี่ยานพาหนะจะอนุญาตให้มีผู้โดยสารเพียง 3 คน รวมคนขับเท่านั้น อีกทั้งการเฉลิมฉลองทศกาลอีดิลฟิตรี (Eid al-Fitr) ที่กำลังจะมาถึงจะถูกจำกัดด้วยเช่นกัน ทว่าเศรษฐกิจทุกภาคส่วนจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินงานหากปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค

ทั้งนี้รัฐบาลมาเลเซียประกาศใช้คำสั่งควบคุมการเดินทางเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศ และอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

เมื่อวันที่10 พฤษภาคม กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 3,807 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศ 5 ราย และผู้ป่วยในท้องถิ่น 3,802 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 444,484 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 1,700 ราย

ขณะเดียวกันมาเลเซียมีผู้ป่วยหายดีเพิ่ม 3,454 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยหายดีอยู่ที่ 405,388 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 91.2 ของผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนยอดผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ 37,396 ราย ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยหนัก 434 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 224 ราย