15/05/2024

2567 ปีมังกร หรือมังกือ

 

ตลอดทั้งปี 2566 จะเกินเลยไปไหมหากจะบอกว่าประเทศไทยมีอาการ Long COVID  หายป่วยไข้แต่ไม่จบ” เพราะไร้ชีวิตชีวา  อ่อนแรง  เหนื่อยง่าย  สมองล้าขาดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอาการนี้สะท้อนออกมาในคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 ที่กำลังบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้

 

 

อาการที่คนในชาติส่วนหนึ่งไม่คิดทำต่อสู้ชีวิตบนลำแข้งตนเอง  เพราะนักการเมืองที่ได้ขึ้นมาเป็นเสนาบดีบริหารบ้านเมืองแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วยวิธีง่ายๆการเอาเงินจากภาษีมาแจกจ่าย  ไม่สนับสนุนให้ทำงานหาเลี้ยงชีพ  คิดแต่ทำโครงการเพื่อเรียกรับคอมมิชชั่นแต่ไม่ส่งผลต่อการพัฒนาบ้านเมืองหรือคุณภาพชีวิตคนในประเทศ  ไม่ส่งเสริมการแข่งขัน  ไม่สร้างผลงานใหม่ๆ  ไม่ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรม  เอาแต่ก็อปปี้  กินอาหารสำเร็จรูป

จึงไม่แปลกอะไรที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังโควิด-19 อยู่ในอัตราที่ต่ำสุดในภูมิภาคอาเซียน ยกเว้นเมียนมาที่มีปัญหาการเมืองและการสู้รบภายในประเทศ

คนที่ฝากชีวิตไว้กับความฝัน  หวังว่าขึ้นปีใหม่ 2567  ปีมะโรง จะเป็น ปีมังกรทอง จะได้พลังมังกรมาช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้  คงต้องเผื่อใจไว้ด้วยหากลงรายละเอียดในข้อเท็จจริงแล้วพบปัจจัยเสี่ยงปัจจัยลบอีกมากมาย

โหรดังเมืองไทยคนหนึ่งทำนายดวงเมืองว่า  ปีมะโรง สงครามไฟ อาจจะเกิดวิกฤติทั้งในประเทศและต่างประเทศที่คุกรุ่นอยู่แล้ว

ส่วนโหรเศรษฐกิจหรือบรรดานักเศรษฐศาสตร์หลายท่านต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่าประเทศไทยยังเหนื่อยในปีหน้า  เพราะเครื่องจักรเศรษฐกิจยังทำงานได้ไม่เต็มที่  แม้จะไม่ถอยหลังแต่อัตราการเติบโตในแต่ละด้านยงคงต่ำ  ทั้งภาคส่งออก  ลงทุน  และการท่องเที่ยวที่รัฐบาลคิดอะไรไม่ออกก็ได้แต่โหมโฆษณาเปิดฟรีวิซ่าชักชวนชาวต่างประเทศเข้าไทยแบบไม่คัดกรองอันนำมาซึ่งปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย

หลายคนออกมาเตือนเรื่อง หนี้กองโต”ของประเทศที่ต้องบริหารจัดการให้ดี  ทั้งหนี้รัฐบาลที่ขยันกู้มาตลอด 8 ปีในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  และรัฐบาลเศรษฐาเตรียมจะกู้อีก 5 แสนล้านบาทเพื่อเอามาแจกจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ  หนี้ภาคธุรกิจเอกชนที่สะสมมาในช่วงโควิดระบาด  หนี้ส่วนบุคคลและหนี้ครัวเรือนที่วันนี้หลายครอบครัวต้อง “กู้มากิน”หรือกู้หมุนเวียนเพื่อต่อลมหายใจ

สัญญาณอันตรายที่อาจจะเป็นปรอทแตกในปี 2567 คือ NPL หรือหนี้เสียจากการกู้ซื้อบ้าน  รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ไล่ยึดกันมาตั้งแต่ปี 2566

บางคนอาจจะเถียงว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าคาดว่าจะโตถึง 3% แต่ไทยเราทุกสำนักประเมินว่าโตกว่า 3%

ธนาคารโลก คาดเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะโต  3.2%

ธนาคารแห่งประเทศไทย  ประเมินเท่ากันที่  3.2%  นักท่องเที่ยวจะมา 34.5 ล้านคน

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB คาดโต 3.1%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  มองว่าจะโต 3.1%  นักท่องเที่ยวจะมา 30.6 ล้านคน

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี  ประเมินไว้ 3.1%

 

 

ข่าวดีคือปี 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมามากกว่า 30 ล้านคนแน่  แต่ต้องไม่หวังจีน  เพราะจีนยังมีปัญหาภายใน  บางคนถึงกับฟันธงว่าจีนไม่ใช่เครื่องยนต์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอีกต่อไปแล้ว   เห็นได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่หดหายไปทั่วโลก

วันนี้คนจีนเริ่มประหยัดเน้นเที่ยวในประเทศ  เก็บเงิน  หยุดซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจมฟองสบู่  หยุดซื้อรถยนต์  สินค้าที่ผลิตแล้วขายไม่ออกทางฝั่งยุโรป อเมริกา เริ่มทุ่มใส่ตลาดอาเซียนจนวันนี้สินค้าจีนท่วมตลาดบ้านเรา  ปีหน้าจะเห็นโรงงานไทยปิดตัวเลิกจ้างอีกมากมาย

ปัญหาของโลกในปี 2567 ยังเป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจยังเป็นหลักแม้สหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เปลี่ยนตัวผู้นำใหม่หลังการเลือกตั้งปลายปี 2567  นโยบายการเมืองก็จะยังมีผลต่อนโยบายการค้าระหว่างประเทศ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งลงนามบังคับใช้กฎหมายนโยบายกลาโหม  หลังสามารถล็อบบี้ให้สภาคองเกรสยอมเปิดไฟเขียวเพิ่มงบด้านการทหาร  ขึ้นเงินเดือนทหาร  เพิ่มงบช่วยเหลือยูเครน  งบช่วยอิสราเอล  สนับสนุนไต้หวันซึ่งหมายถึงการรับมือกับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมประมาณ 8.86 แสนล้านดอลลาร์(ประมาณ 28 ล้านล้านบาท)

การเมืองของสหรัฐอเมริกาบังคับให้ไบเดน ยังต้องหนุนหลัง โวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครนทำสงครามตัวแทนยูเครน-รัสเซีย ต่อไปซึ่งจะครบ 2 ปีเต็ม วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567

ในอีกด้านหนึ่งสงครามจะไม่จบจนกว่า วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย จะบรรลุเป้าหมายนั่นคือ ยูเครนต้องปลอดนาโต้  ปลอดนีโอนาซี  เป็นกลาง  ยอมรับการควบรวมดินแดน

เช่นเดียวกันการหนุน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลให้ยังคงถล่มปาเลสไตน์ แม้จะมีโอกาสขยายวงไปยังซีเรียและอิหร่าน   เพราะอิสราเอลคือลูกรักที่สหรัฐฯฟูมฟักมาตั้งแต่การก่อตั้งประเทศในดินแดนปาเลสไตน์เมื่อ 75 ปีก่อน  และสนับสนุนงบประมาณ อาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงเสียงสนับสนุนในเวทีสหประชาชาติมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

 

 

เมื่อสงครามในยุโรปและตะวันออกกลางยังไม่สงบ  อเมริกายังเพลิดเพลินกับการขายอาวุธและพิมพ์แบงก์ดอลลาร์  ย่อมมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  แล้วประเทศไทยจะยังหลงเพ้อ นั่งฝันหวานปั่นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยอะๆเพื่อหวังพยุงเศรษฐกิจกระนั้นหรือ

รัฐบาลผสมเศรษฐา 1 เข้ามาทำงานเกือบ 4 เดือน นอกจากยืดลมหายใจให้คนจนด้วยการลดค่าไฟฟ้า คุมราคาน้ำมัน ลดค่ารถไฟฟ้าสีแดงเหลือ 20 บาทแล้ว  ถามว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ท่องคาถากล่อมคนไทยให้รอการแจกเงินดิจิทัล  และรอการแก้หนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนเอาไว้  แค่นี้จริงๆสำหรับปี 2567

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *