สีจิ้นผิงชี้สำคัญ ‘GDP สีเขียว’ ตัวบ่งชี้มูลค่าระบบนิเวศ รวมถึงทะเลทราย

ปักกิ่ง, 7 มี.ค. (ซินหัว) — สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนได้เข้าร่วมการประชุมกับบรรดาผู้แทนสภานิติบัญญัติระดับชาติของจีน เพื่อรับฟังการพิจารณาประเด็นต่างๆ ของพวกเขาที่มีความสำคัญระดับชาติ ระหว่างการประชุม “สองสภา” ประจำปี

การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ครั้งที่ 4 ซึ่งเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ได้มีการเปิดเผยร่างแผนพัฒนาสู่ความทันสมัยของจีนในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของ “การพัฒนาสีเขียว”

สีจิ้นผิง ซึ่งเป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของจีน ได้พูดคุยกับบรรดาผู้แทนสภานิติบัญญัติจากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางตอนเหนือของจีน ที่ยกประเด็น ‘การอนุรักษ์ทางนิเวศวิทยา’ มาเป็นหัวข้อหลักในการอภิปราย

มองโกเลียใน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนทางตอนเหนือของจีน ถูกมองว่าเป็นเกราะปกป้องความมั่นคงทางนิเวศวิทยาของจีน โดยภูมิภาคแห่งนี้ถูกขนานนามว่า “กำแพงเมืองสีเขียว” สีกล่าว

ในระหว่างการพิจารณาประเด็นต่างๆ สีได้หารือกับบรรดาผู้แทนเกี่ยวกับการควบคุมการแปรสภาพเป็นทะเลทรายและการปกป้องป่า

จางเสี่ยวปิง ผู้แทนจากเมืองปาเยี่ยนเน่าเอ่อร์ ได้รายงานต่อสีจิ้นผิงเกี่ยวกับความพยายามของท้องถิ่นในการฟื้นฟูระบบนิเวศและการป้องกันการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ของพื้นที่บริเวณใกล้แนวโค้งทางตอนเหนือของแม่น้ำหวงเหอ หรือ แม่น้ำเหลือง

สีซึ่งคุ้นเคยกับสถานการณ์ดังกล่าวในพื้นที่ส่วนนี้ของแม่น้ำหวงเหอกล่าวว่า “การปกป้องสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่นของที่นี่ เกี่ยวโยงทั้งการแก้ปัญหาดินเค็มในพื้นที่เกษตรกรรม และการป้องกันและควบคุมการแปรสภาพสู่ทะเลทราย”

สีได้เน้นย้ำถึงการนำ “แนวคิดแบบองค์รวม” มาใช้ในการอนุรักษ์ภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก ทะเลสาบ และทุ่งหญ้ามาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขาได้หยิบ “ทะเลทราย” ใส่เข้าไปในผังความคิดดังกล่าวด้วย

โดยสีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการออกแบบในระดับสูงและการใช้มาตรการที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องระบบนิเวศในแหล่ง ธรรรมชาติข้างต้น รวมถึงทะเลทราย

โจวอี้เจ๋อ สมาชิกสภานิติบัญญัติซึ่งทำงานในฟาร์มป่าไม้ เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาจากอดีตคนตัดไม้ที่พลิกผันสู่ผู้ดูแลผืนป่าในปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนมุมมองและวิถีการทำงานไปโดยสิ้นเชิง

โจวกล่าวว่าขณะนี้จำนวนสัตว์ป่าที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ที่เขาดูแลอยู่เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังมีการวิจัยที่ระบุว่าระบบนิเวศในป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำต่างๆ ถือเป็นพื้นที่แห่งความมั่งคั่งในปัจจุบัน

“เรื่องราวของคุณเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างอุตสาหกรรมของจีน” สีกล่าวหลังจากได้ฟังเรื่องราวของโจว “ประเด็นมูลค่าทางนิเวศวิทยาที่คุณกล่าวถึงก็คือแนวคิดของจีดีพีสีเขียว ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบนิเวศมีมูลค่าในตัวมันเอง ไม่ใช่เพียงมูลค่าต่อผืนป่าเท่านั้น แต่ยังมีมูลค่าต่อปอดของผู้อยู่อาศัย การท่องเที่ยว พืชเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สร้างคุณค่าให้กับท้องถิ่น (under-forest economy) เป็นต้น”

นอกจากนี้ สียังเรียกร้องให้มองโกเลียในต่อสู้กับปัญหามลพิษและปรับปรุงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเมืองและชนบทให้ดียิ่งขึ้น