อนาคต “ไต้หวัน”จากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิม

โดย……….ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล

นายกสมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทยจีน

การเยือนไต้หวันของ นางแนนซี่ เพโลซี นักการเมืองหญิงสหรัฐฯ ทำให้ช่องแคบไต้หวันของภูมิภาคนี้ไม่สงบอีกครั้ง  หลังนางเพโลซีกลับไป ทางการจีนได้มีการซ้อมรบบริเวณช่องแคบไต้หวันและรอบเกาะไต้หวันเป็นครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน   ขณะที่สหรัฐฯ ก็กำลังส่งกองกำลังทางทะเลของตนเข้ามาใกล้ๆ กับบริเวณที่จีนซ้อมรบ

รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของผู้นำไต้หวันนาง ไช่ อิงเหวิน ถึงกับออกมาแถลงข่าวแสดงออกถึงการประนามรัฐบาลจีนว่าทำเกินเหตุและไม่เห็นด้วยต่อท่าทีอันลุแก่อำนาจของรัฐบาลจีนที่เกิดขึ้น  นอกจากการออกแถลงการณ์ไช่ อิง เหวิน ยังออกมาเชิญชวนประชาชนชาวไต้หวันที่รักในแนวคิดประชาธิปไตย ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจและความรำคาญให้แก่ผู้บริหารระดับสูงภายในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนแผ่นดินใหญ่

รัฐบาลจีนที่ไม่ถูกชะตาผู้นำไต้หวันนาง ไช่ อิงเหวินตั้งแต่ช่วงที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าสามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2016 ได้อยู่แล้ว ก็เลยหันมามีท่าทีที่รุนแรงต่อไต้หวันมาต่อเนื่อง มีทั้งการตัดช่องทางการสื่อสารหลักระหว่างรัฐบาลกับไต้หวัน และระดมกระพือกระแสข่าวให้ไต้หวันถูกมองว่ามีพวกกบฏแบ่งแยกดินแดน อยู่เสมอๆ ผ่านสื่อต่างพร้อมกับพยายามกีดกันการค้า การลงทุน ไม่ให้นักท่องเที่ยวของจีนเดินทางไปเที่ยวที่เกาะไต้หวัน

จีนยังมักส่งเครื่องบินรบบินเฉียดเข้ามาในน่านฟ้า ส่งเรือรบเข้าน่านน้ำทะเลจีนใต้ เพื่อแสดงท่าทีข่มขู่ให้ไต้หวันลดพฤติกรรมที่แข็งกร้าวต่อรัฐบาลจีน ด้วยท่าทีอันแข็งกร้าวที่รัฐบาลไต้หวัน กับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของไต้หวัน มีต่อรัฐบาลจีนปัจจุบันนี้

จึงทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกิดการรักไต้หวันกับอีกส่วนหนึ่งยอมที่จะรวมชาติกับจีนแบ่งออกเป็นสองขั้ว  ทำให้สังคมไต้หวันเริ่มสงสัยจนเกิดเป็นประเด็นแบ่งขั้วทางการเมือง ขั้วรักไต้หวันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทางฝ่ายขั้วรวมชาติจีนนั้นลดลง ถือว่าไม่เป็นผลดีในการนำนโยบาลรวมชาติจีนมาใช้

ถ้าหากรัฐบาลจีนกล้าที่จะกระทำการอันอุกอาจนำร่างบทบัญญัติรวมชาติที่รัฐบาลจีนเป็นฝ่ายเขียนขึ้นมาประกาศใช้ภายในฮ่องกง แล้วอนาคตของไต้หวันที่อยู่ไม่ห่างจากฮ่องกงจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเป็นคิวต่อไปตามยุทธศาสตร์ China Dream ของรัฐบาล สี จิ้นผิง ที่มักออกมาพูดถึงแผนการรวมชาติกับไต้หวันอยู่บ่อยๆ  ทำให้ประชาชนไต้หวันวิตกกังวล รวมชาติกับจีนหรือยืนหยัดอัตลักษณ์ความเป็นไต้หวันแบบปัจจุบัน

สรุปได้ว่าไต้หวันนั้นมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐอเมริกาสูงมากกว่าฮ่องกงเยอะ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณากับปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ไต้หวันนั้นมีสถานะเป็นเหมือน “หมุดปักปันเขตอิทธิพล”ที่สหรัฐอเมริกาได้ขีดเอาไว้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

จะเห็นได้ว่าไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นนั้นเป็นประตูบานเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่ ถ้าหากจีนต้องการจะแผ่ขยายอิทธิพลของตนเองออกมาทางทะเลจีนตะวันออก ไต้หวันจึงค่อนข้างมีบทบาทยุทธศาสตร์ “การปิดล้อมจีน”ของสหรัฐอเมริการ่วมกับประเทศพันธมิตรแห่งอื่นๆ ในภูมิภาคนี้

เพื่อยกระดับสถานะของความสัมพันธ์อเมริกา-ไต้หวันนั้นก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีกับประเด็นนี้ ทำให้สหรัฐอเมริกามีหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือ และการสนับสนุนทางการทหารแก่ไต้หวันเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ไต้หวันมีขีดความสามารถในการป้องกันตัวเองอย่างเพียงพอ

หากจีนยังมีเป้าหมายที่จะเข้ามารวบอำนาจบนเกาะไต้หวันนั้น คงจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ชั้นสูงของคัมภีร์พิชัยสงครามซุนหวู หรือไม่ก็ต้องรอวันที่ประชาชนชาวไต้หวันเปลี่ยนใจอยากจะกลับไปเป็นประชาชนของจีนแผ่นดินใหญ่แบบนี้รัฐบาลจีนคงยอมไม่ได้ หากจีนพร้อมที่จะรบเพื่อรวมชาติคงไม่มีใครจะห้ามได้ เพื่อที่จะฟื้นฟูชาตินิยมอันยิ่งใหญ่ของประเทศจีนในอนาคตอันใกล้นี้ ตามยุทธศาสตร์ China Dream ของรัฐบาลจีน