ประชุมอเมริกา – อาเซียน มีอะไรรออยู่ที่วอชิงตัน ?

โดย ขุนพล กอเตย
กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาว่า บรรดาผู้นำอาเซียนและประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพบกันในการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐอเมริกา-อาเซียน สมัยพิเศษ ( U.S. – ASEAN Special Summit) ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2022 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางและวิธีการกระชับความร่วมมือในหลากหลายด้าน อาทิ การรับมือกับโควิด-19 ความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือทางทะเล การพัฒนาทุนมนุษย์ การศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน รวมถึงการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ
โฆษกทำเนียบขาวแถลงในวันเดียวกันว่า การประชุมดังกล่าวจะแสดงถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทที่สหรัฐฯ มีต่ออาเซียนมาอย่างยาวนาน โดยเล็งเห็นถึงบทบาทหลักของอาเซียนในการคลี่คลายความท้าทายเร่งด่วนที่สุดของภูมิภาคอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังจะเป็นการเฉลิมฉลอง 45 ปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอาเซียนอีกด้วย
การประชุมครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากเมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีไบเดนได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-อาเซียนทางออนไลน์ เมื่อเดือนตุลาคม 2564 โดยเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯคือการเป็นหุ้นส่วนที่มั่นคงและพึ่งพาได้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่ “เสรีและเปิดกว้าง มั่นคง เชื่อมโยง และพร้อมรับมือ”
สำหรับประเทศไทยในฐานะสมาชิกของอาเซียนนั้น แน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ยอมพลาดที่จะล็อกปฏิทินเพื่อเดินทางไปร่วมเวทีใหญ่ที่ทั้งโลกจับตามอง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ย่อมรู้เหมือนที่โลกรู้ว่า วาระการประชุมครั้งนี้นอกจากที่บอกกล่าวว่าเป็นการต่อยอดจากปลายปีก่อนแล้ว เจ้าภาพอย่างสหรัฐฯย่อมมุ่งเป้าไปอีกอย่างน้อย 3 เรื่องที่อาจจะต้องปิดประตูคุย
- กรณี สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สหรัฐฯและพวกพ้องในยุโรปยังดันหลังให้ยูเครนต่อสู้ยืดเยื้อ และยังเดินหน้าหาทางคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย
- ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ( INDO-PACIFIC STRATEGY) ที่สหรัฐฯเป็นศูนย์กลางและต้องการปิดล้อมจีน
- ปัญหารัฐบาลเผด็จการและการละเมินสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ซึ่งรัฐบาลไบเดนถือว่าเป็นหน้าที่ของสหรัฐฯที่ต้องมีบทบาทในการเข้าแก้ไขเพื่อคืนประชาธิปไตยแก่เมียนมา
เกมการเมืองระดับภูมิภาคเช่นนี้มหาอำนาจฝั่งตะวันออกอย่างจีนย่อมไม่อาจอยู่นิ่ง เมื่อต้นเดือนเมษายน หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย อินโดนีเซีย เมียนมา และฟิลิปปินส์ เข้าร่วมหารือ นอกจากกระชับความสัมพันธ์ ผลักดันโครงการเส้นทางสายไหม( BRI) หรือการร่วมลงทุนพัฒนาระบบขนส่งระหว่างประเทศแล้ว แน่นอนว่าได้หารือเรื่องความเป็นกลางของอาเซียนในกรณีรัสเซีย-ยูเครน
สมาชิกอื่นๆอีก 6 ประเทศนั้น จีนมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย บรูไน ส่วนเวียดนามนั้นแม้จะมีปัญหาทะเลจีนใต้แต่ก็ยังคุยกันได้ในฐานะชาติเอเชียที่มีศัตรูร่วม
สำหรับ “สิงคโปร์” ที่วันนี้ทำตัวเหมือน “แกะดำ”ของอาเซียน เมื่อนายกรัฐมนตรีลี เซียงลุง ชิงจังหวะบินเดี่ยวไปนั่งเสนอหน้าคุยกับประธานาธิบดีไบเดนให้สื่ออเมริกันตีข่าวไปทั่วโลก โดยก่อนหน้านั้นสิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งเดียวในอาเซียนที่ประกาศร่วมคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย
เป็นเรื่องที่ต้องติดตามจับตาว่า ในการพบกันที่วอชิงตันครั้งต่อไปผู้นำสิงคโปร์ กับโจ ไบเดน จะจับมือ จูบปาก หรือถึงขั้นตวัดลิ้นกันแค่ไหน
จีนมองว่าสหรัฐฯมีเจตนาแอบแฝงแน่นอนตามสไตล์ที่ชอบเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้ง เข้าแทรกแซง ยึดครอง กอบโกยผลประโยชน์ แล้วถีบหัวส่ง ดังนั้นการนัดเลี้ยงน้ำชากับชาติสมาชิกอาเซียนก่อนไปจิบกาแฟที่วอชิงตัน จึงเหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยกันล่วงหน้า
ประเด็นที่สมาชิกอาเซียนต้องสนใจทำการบ้านเพื่อเตรียมส่งคำตอบคือ
รัฐบาลสหรัฐฯประกาศชัดเรื่องการฟื้นฟูความเป็นผู้นำของอเมริกาในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อรับมือกับความท้าทายเร่งด่วนโดยพุ่งเป้าไปที่ “พญามังกร”ที่สหรัฐฯมองว่าเป็นทั้งคู่แข่งขันทางเศรษฐกิจ เป็นความท้าทายและภัยต่อความมั่นคง โดยยกเอาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโรคโควิด-19 มาเป็นข้ออ้างผสม
ยิ่งหลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน สหรัฐฯยิ่งหมายหัวจีนว่าให้การสนับสนุนรัสเซีย ทั้งไม่ร่วมประณาม ไม่คว่ำบาตรเศรษฐกิจ แถมยังขยายการค้า เปิดช่องทางการเงินหยวน-รูเบิล ให้รัสเซียหายใจ รับซื้อก๊าซจากรัสเซียในขณะที่สหรัฐฯแบนพลังงาน ถือเป็นการหยามหน้าสหรัฐฯและอียู
ดังนั้นเชื่อว่ามาตรการต่างๆของสหรัฐฯที่จะดำเนินการตามสโลแกน “เสรีและเปิดกว้าง มั่นคง เชื่อมโยง และพร้อมรับมือ” จะตามมาอย่างรวดเร็วและเข้มข้นสำหรับกลุ่มอาเซียนที่บอกว่าวางตัวเป็นกลาง แต่สหรัฐฯก็รู้ว่าแอบแบ่งใจให้จีนที่อยู่ในโซนเอเชียและใกล้ชิดกันมากกว่า
การที่สหรัฐอเมริกาในยุคของประธานาธิบดีไบเดนกลับมาแสดงท่าทีตีสนิทอาเซียนอีกครั้งในวันนี้ ชัดเจนว่าเพื่อรักษาภาพพจน์ของความเป็นผู้นำโลกด้านประชาธิปไตย หวังเบรกอิทธิพลจีนในภูมิภาคอาเซียน หาพวกมาร่วมปิดล้อมจีน
การกลับมาครั้งนี้สหรัฐฯบอกต่ออาเซียนว่าจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี จะดำเนินงานตามเป้าหมายของอาเซียน ไบเดนเคยมีหนังสือเป็นทางการต่อกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2022 ว่า “สหรัฐอเมริกาเคารพความเป็นกลางของอาเซียน”
แต่สัญญายังฉีกทิ้งกันได้ พูดไปแล้วยังกลืนน้ำลาย แค่ตัวอักษรไม่กี่คำบนจดหมายจึงไม่อาจยึดมั่น
10 ชาติอาเซียนคงต้องไปฟังเนื้อแท้ที่วอชิงตัน และเตรียมคำตอบไว้ให้ดีถ้าไบเดนจะส่งใบ “ออร์เดอร์” ให้