สยามยามาฮ่ามอเตอร์โรโบทิคส์ ปูพรมเครื่องพ่นปุ๋ย
บริษัท สยามยามาฮ่ามอเตอร์โรโบทิคส์ จำกัด บริษัทร่วมทุนกลุ่มสยามกลการ รุกตลาดสารเร่งสุกแก่เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลในอ้อย หวังปูพรมเครื่องพ่นปุ๋ยโดยเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ สามารถฉีดพ่นสารเคมีได้เร็ว อัตราส่วนพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เวลาแค่ 1 นาที ช่วยให้เกษตรกรทำงานได้เร็วขึ้นจากการทำงานเดิม 7-10 เท่า คาดตลาดในประเทศไทยเติบโตได้ดี ช่วยประหยัดเวลาและน้ำที่ใช้ทางการเกษตร
คุณปิยุรัช ศุภารัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยามาฮ่ามอเตอร์โรโบทิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจ “อากาศยานไร้คนขับ” ในรูปแบบ “เฮลิคอปเตอร์” ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ที่ทำงาน รวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย มาช่วยยกระดับการทำงานของเกษตรกรไทย ในยุคเกษตร 4.0 ช่วยให้เกษตรกรสามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่าวิธีการเดิมหลายเท่าเนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับสามารถฉีดพ่นสารเคมีได้เร็ว โดยใช้เวลาในการฉีดพ่นสารเคมีบนพื้นที่ 1 ไร่ ภายใน 1 นาที ซึ่งจะสามารถช่วยให้เกษตรกรทำงานได้เร็วขึ้นจากการทำงานวิธีเดิม 7-10 เท่า และสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง ทั้งวัน เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับใช้เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี และมีการออกแบบมาเพื่อระบายความร้อนโดยเฉพาะ เพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งวันในสภาพภูมิอากาศที่ร้อน ประกอบกับเกษตรกรไม่สามารถเข้าไปทำงานเพื่อพ่นปุ๋ย หรือฮอร์โมน เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ นวัตกรรมตัวนี้จะสามารถทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มคุณภาพทางผลผลิตได้ดี
สำหรับการทำเกษตรไร่อ้อย เกษตรกรสามารถพ่นสารเร่งสุกแก่ในแปลงของตัวเองได้ จะต้องทำการฉีดพ่น ณ ตอนที่อ้อยมีอายุ 9-10 เดือน ซึ่งจะมีความสูงไม่ต่ำกว่า 4 เมตรทำให้ยากต่อการทำงานและมีระยะเวลาการทำงานที่สั้นเพราะต้องฉีดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวไม่เกิน 45 วันหลังพ่นเพื่อให้ได้ประมาณน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และการฉีดพ่นสารเคมีโดยเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับนั้นจะเป็นการฉีดพ่นโดยการใช้ปริมาณน้ำน้อยมาก เพียง 1.28 ลิตรต่อไร่ซึ่งน้อยกว่า การใช้น้ำทางการเกษตรแบบปัจจุบัน 40-60 เท่า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำในประเทศเพื่อการเกษตรได้ดีแต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของสารเคมีได้ดังเดิม การทำงานของเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับนั้น เป็นการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อใช้งานในการเกษตรโดยเฉพาะ และมีการออกแบบหัวพ่น (Nozzle) ให้มีการทำงานร่วมกับแรงลมใต้ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับที่จะช่วยกดน้ำยาสารเคมีลงสู่พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการควบคุมปริมาณโดยกล่องคอมพิวเตอร์ภายในเครื่องยนต์ที่จะช่วยควบคุมการจ่ายน้ำยาลงสู่พืชให้ได้ปริมาณตามที่คำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน การทำงานและเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การบริการของสยามยามาฮ่ามอเตอร์โรโบทิคส์ ยังให้บริการในการฉีดพ่นสารเคมีในพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลังและข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษกิจหลักของประเทศไทย ถือว่าเป็นนวัตกรรมอุปกรณ์ทางการเกษตรที่กลุ่มสยามกลการ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา และยังขยายธุรกิจเพื่อคนไทย และสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เพราะธุรกิจมีทั้งผลิต ส่งออก จำหน่ายและบริการ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงขององค์กร เพราะการก้าวไปข้างหน้าในยุคสมัยใหม่ ต้องนำเทคโนโลยี มาปรับใช้ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ คุณปิยุรัชกล่าว