อนันดาฯ ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 64
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 สามารถดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ทั้งยอดขายและยอดโอน โดยมียอดขายสูงกว่าเป้าหมาย 16% อยู่ที่ 3,264 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายของโครงการพร้อมอยู่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า โดยบริษัทฯ มีแบ็คล็อค ณ สิ้นไตรมาสสอง ปี 2564 กว่า 13,200 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนของบริษัทฯ ในระยะ 3 ปี
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในไตรมาส 2 มีความท้าทายมากขึ้นจากเหตุโควิด-19 ระบาด ระลอกเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา รุนแรงมากกว่าการระบาดที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยทั้งประเทศในวงกว้าง ตลอดจนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับในไตรมาส 2 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในส่วนยอดขาย และยอดโอนเป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 359 ล้านบาท ลดลงถึง 21% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลงอีก 6% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA จากการดำเนินงานของธุรกิจกว่า 223 ล้านบาท
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง
ในไตรมาสสอง ปี 2564 บริษัทฯ มียอดโอนทั้งหมด 2,643 ล้านบาท และมีสัดส่วนยอดโอนจากลูกค้าชาวต่างประเทศใกล้เคียงจากปีก่อนที่ระดับ 20% ขณะที่มียอดขายรวม 3,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมาย 16% ที่ระดับ 2,816 ล้านบาท จากโครงการพร้อมอยู่ที่ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์มีอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
ในปี 2564 นี้ถือเป็นอีกปีที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงรับมือกับความเสี่ยง และความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยที่การควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ และวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จะปัจจัยสนับสนุนทำให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวและกำลังซื้อจากลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่มีความต้องการซื้อสูง จะเป็นตัวช่วยให้แนวโน้มและความมั่นใจกลับมาดีขึ้น และเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงทุกอย่างก็จะกลับสู่ภาวะปกติ
ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทฯ ยังคงรักษาเงินสดรวมโครงการร่วมทุนกว่า 7,500 ล้านบาท ทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ และมีเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายระยะยาวที่ 1:1