10/05/2024

คอลัมน์หนังสือ

“ก่อนเปิดอ่าน” ***อยากจะหยิบยกหนังสือเรามาเล่าเรื่อง ทั้งเล่มใหม่ทั้งเล่มเก่าที่มีอยู่ ในยุคที่กระแสสังคมโซเชียล ออนไลน์ ออนเฟส และสารพัดออนรุกรุมเร้า ทำให้เราเราท่านท่านหลงลืมหนังสืออ่านที่เป็นเล่ม เป็นฉบับ เป็นกระดาษเป็นหมึกพิมพ์ไป เราลองมาช่วยกันรื้อฟื้น ช่วยกันเปิด​ ช่วยกันสัมผัส พลิกอ่านหนังสือเล่มทีละหน้า ทีละบทจวบจนบรรทัดหน้าสุดท้ายกันอีกครั้ง    ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย เรื่องแปล เรื่องสั้น สารคดี ความรู้ทางวิทยาการต่างๆ จากนัก​เขียนผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านที่น่าสนใจอยากรู้.. เรามาปิดจอดิจิตอลที่ได้สัมผัสกันทุกช่วงเวลาทั้งวันทั้งคืนกันสักครู่.  แล้วเปิดอ่านหนังสือเล่มกัน    อยากจะขอนำเสนอหนังสือที่ได้อ่านมา เพื่อมอบให้ผู้ที่ติดตามข่าวสารข้อมูลคุณภาพดีดีจากเว็บ.นี้ ในคอลัมน์หนังสือBooklizm by Krit*** (ปล.ถ้าท​่​านมีหนังสือที่อ่านแล้วอยากส่งต่อเล่าเรื่องราวบอกเราได้ในคอลัมน์นี้)​.

1.หนังสือหลั่งเลือดที่นานกิง

“หลั่งเลือดที่นานกิง”เรื่องราวที่ถูกลืมการทำลายล้างระหว่างสงครามโลกครั้งที่2ย้อนกลับไปหารากเหง้าความขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่นที่ระอุในปัจจุบัน 13ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ

83ปีที่กองทัพญี่ปุ่นกรีธาเข้านครหลวงนาม”นานกิง” ของจีนและเพียงภายในไม่กี่สัปดาห์ทั้งพลเรือนและทหารจีนกว่า300000คนถูกข่มขืน ทรมาน เข่นฆ่า จำนวนผู้ตายพุ่งสูงกว่าตัวเลขรวมกันทั้งฮิโรชิม่าและนางาซากิที่ถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณู ด้วยการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตอย่างละเอียดหลายแง่มุมรวมทั้งการขุดค้นพบหลักฐานใหม่ๆ ไอริส จางได้บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ได้อย่างละเอียดลออชัดเจนและน่าตกใจจังงัง “หลั่งเลือดที่นานกิง” บอกเล่าเรื่องราวจากสามมุมมองคือมุมมองของทหารญี่ปุ่น ทหารจีน และกลุ่มชาวตะวันตกที่ไม่ยอมทิ้งเมือง หนังสือของจางให้มากกว่าภาพเข้มข้นของความโหดเหี้ยมแต่วิเคราะห์ถึงวัฒนธรรมรัฐทหารที่ทำให้ทหารญี่ปุ่นมองเห็นชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งไม่มีค่านอกจากนั้นยังเล่าถึงพฤติกรรมพร้อมเพรียงระหว่างสงครามเย็นของฝ่ายตะวันตกหรือกระทั่งฝ่ายจีน ที่ทำเหมือนมีอะไรมาปิดกั้นไม่ให้พูดถึงเหตุหฤโหดโศกนาฏกรรมครั้งนี้.

ผู้เขียน :Iris Chang

แปล:ฉัตรนคร องคสิงห์

2.หนังสือประชาธิปไตยบนเส้นขนาน

ร่ำร่ำร้องร้องเรียกโหยหาประชาธิปไตย ที่ผ่านตลอดมา 88ปี ทั้งเต็มใบทั้งครึ่งใบล้มลุกคลุกคลานมาตลอดอะไรหรือคือประชาธิปไตย!! ที่ถูกนำเข้ามาจากระบอบตะวันตกฝรั่งตาน้ำข้าวที่ทำให้พวกคณะราษฎรเห็นดีเห็นชอบยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองจนสิ้นสุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปีพ.ศ.2475  วินทร์ เลียววาริณเขียน “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน” จนได้รับรางวัลซีไรต์เมื่อปีพ.ศ.2540  ตั้งแต่23ปีที่แล้วประชาธิปไตยของเราก็ยังล่องลอยวนเวียนในอ่าง “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน” เป็นนวนิยายที่ผู้เขียนสร้างขึ้นด้วยการใช้ฉากท้องเรื่องและเหตุการณ์จริงของประวัติศาตร์การเมืองไทยในช่วง88ปีของระบอบการปกครองที่เรียกกันว่า”ประชาธิปไตย” วินทร์ เลียววาริณใช้ชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ เรียงร้อยเหตุการณ์และบุคคลในจินตนาการเข้ากับเรื่องจริงอย่างผสานกลมกลืน ผ่านความคิดคำนึงและบทสนทนาของตัวละครเอก ผู้เป็นเสมือนตัวคนในชาติที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางการเมืองตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน ดังคำที่ว่า **ดอกประชาธิปไตยเบ่งบานแล้วก็ร่วง แล้วก็งอกขึ้นมาออกดอกบานใหม่ จะเอาอะไรกันนักหนากับโลกใบนี้ อย่างน้อยมันก็ให้สัจธรรมข้อหนึ่งคือไม่มีอะไรยั่งยืนอยู่ได้ตลอดกาล.

ผู้เขียน วินทร์ เลียววาริณ

3.หนังสือคืนนรกCARRIE

แครี่ไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอมีพลังน่ากลัวมันรุนแรงพอที่จะเปลี่ยนเมืองเล็กๆที่สุขสงบแห่งนั้นให้เป็นนรกบนดินได้ในชั่วพริบตาเดียวจุดเดือดของเธอมาถึงในคืนนั้น คืนที่ต้องฆ่่า”พวกมัน” ให้เกลี้ยง!!            สตีเฟน คิง ราชาแห่งนิยายสยองขวัญได้เขียนแครี่ได้อย่างเข้าใจถึงความเก็บกดกดดันของสตรีเพศได้อย่างสะใจเวลาที่มันระเบิดออกมาอะไรก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้… แครี่เป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ทั้งกายใจเพื่อนๆมองว่าเธอเป็นตัวประหลาดตัวตลก เป็นอีซื่อบื้อแต่ทุกคนลืมไปว่าแครี่่ก็มีจิตใจเหมือนคนอื่น!! ถ้าลูกคุณไปโรงเรียนแล้วถูกรังแกคุณจะทำยังไง? คุณเลี้ยงลูกถูกวิธีและถูกต้องตามหลักจิตวิทยาหรือเปล่า? ลองเอาใจแครี่่มาใส่ใจคุณดูสิ แล้วอย่าลืมสอนลูกคุณให้ปฏิบัติต่อเพื่อนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนให้ดีดี…. เราเตือนคุณแล้ว!!!.

ผู้เขียนสตีเฟน คิง

แปลสุวิทย์ ขาวปลอด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *