13/05/2024

WHAUP เดินเกมรุกนอกนิคมฯ เพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาด

 

 

คุณสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUPเปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป โดยตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเป็น150 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดเซ็นสัญญา 92 เมกะวัตต์ ล่าสุด บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop)โครงการเมกาบางนา จำนวน 13อาคาร บน พื้นที่หลังคา ทั้งหมด 62,000  ตารางเมตร กำลังผลิตติดตั้งรวม 10 เมกะวัตต์  มูลค่า 245 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำแผนการขับเคลื่อนการขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ โครงการเมกาบางนา ถือเป็นการดำเนินการติดตั้งระบบ Solar Rooftopนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ  ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีการให้บริการในธุรกิจติดตั้งระบบSolar Rooftop ซึ่งจะรวมไปถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าเป็นระยะเวลา 20ปี โดยมีแผนดำเนินการติดตั้งตั้งแต่ภายในเดือนมิถุนายน2565นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในเดือนเมษายน 2566พร้อมทยอยรับรู้รายได้เข้ามาทันที

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ “WHAUP”กล่าวเพิ่มว่า ภายในไตรมาส 2/2565 นี้ บริษัทฯ เตรียมเซ็นสัญญาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) อีกประมาณ  3โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 15.9เมกะวัตต์ และเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 4 โครงการ ภายใต้กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 22.56 เมกะวัตต์  ส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่า เป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมในปี 2565 มีโอกาสเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

ด้าน คุณพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (SFD)ระบุว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์  “WHAUP”เป็นผู้นำในการให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงานอย่างครบวงจรระดับชั้นนำของประเทศ โดยมีทีมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมที่มีประสบการณ์ในการให้บริการอย่างมืออาชีพ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้SFD มีความเชื่อมั่นในศักยภาพในการบริการของWHUP

 

คุณพลินี คงชาญศิริ

 

ทั้งนี้  ศูนย์การค้าเมกาบางนา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการติดตั้งSolar Rooftop นอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า ตลอดอายุการใช้งาน25 ปี หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,040 ล้านบาท ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset)สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง  210,592ตัน ตามนโยบายรักษ์โลก ลดโลกร้อน และลดการเกิดภาวะเรือนกระจกได้อีกด้วย

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *