“ซิดนีย์”หงอยรัฐบาลต่อล็อคดาวน์ถึงสิ้นก.ย.
ซิดนีย์, รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศในขณะนี้ ได้ประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในมหานครซิดนีย์จนถึงสิ้นเดือนกันยายนหลังจากรัฐบาลได้ใช้มาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดมาแล้วกว่า 2 เดือน รวมถึงบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวในบางพื้นที่
หลังจากที่ชาวออสเตรเลียหลายพันคนออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนในเมืองเมลเบิร์นและนครซิดนีย์ เพื่อต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปจำนวนมากแล้ว รุ่งขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์เรื่องสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ โดยเขายอมรับว่ามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคคึวิด-19 ที่ใช้บังคับอย่างเข้มงวดนั้นมีกระทบต่อประชาชนและธุรกิจต่างๆก็จริง แต่เขาเปรียบเทียบว่านั่นเป็นความมืดมิดที่สุดก่อนที่รุ่งอรุณจะตามมาเมื่อออสเตรเลียบรรลุถึงจุดหมายการฉีดวัคซีนที่ 70-80% ของจำนวนประชากร
บรรยายภาพ
ชาวออสเตรเลียในกรุงเมลเบิร์นและซิดนีย์นัดหมายออกมาประท้วงรัฐบาลที่สั่งขยายเวลาล็อคดาวน์ถึงสิ้นกันยายน
“การล็อกดาวน์ยังจำเป็นในช่วงเวลานี้ แต่เราจะมอบความช่วยเหลือทางสาธารณสุขและชดเชยรายได้เพื่อให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นไปได้ ” นายมอร์ริสันบอกว่า รัฐบาลออสเตรเลียตั้งใจจะเปลี่ยนจุดมุ่งหมายจากการลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือศูนย์ เป็นการดูผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
รายงานเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 892 ราย เสียชีวิต 3 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 44,920 ราย เสียชีวิตสะสม 984 ราย อยู่ในอันดับที่ 122 ของทั่วโลก