ศบค.ล็อคดาวน์ต่อ 1 เดือน เพิ่มพื้นที่แดงเข้มเป็น 29 จังหวัด

วันที่ 1 สิงหาคม 2564  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เป็นประธานการประชุม ครั้งที่ 11/2564 ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ที่ประชุมมีมติให้ยกระระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิม 13 จังหวัดปรับเพิ่มเป็น 29 จังหวัด ได้แก่  กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี  เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง

พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)จากเดิม 53 จังหวัด ปรับลดลงเป็น 37 จังหวัด   พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 10 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 12 จังหวัด  พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิม 1 จังหวัดเป็น 0   พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) คงเดิมคือ 0

สำหรับมาตราการป้องกันการควบคุมโรคโควิด-19  โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ยังคงมาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด จำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน

ร้านอาหารทั่วไป ห้ามบริโภคภายในร้าน  งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน  อนุญาตให้เฉพาะซื้อกลับไปบริโภคที่อื่น  เปิดได้ไม่เกิน 20.00น.

ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่มที่ให้บริการผ่านระบบเดลิเวอรี่ และร้านยา เวชภัณฑ์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น.

ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬายังปิดให้บริการทั้งหมด   สถานศึกษาทุกระดับ และสถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาหารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ยังคงมาตรการเดิม

สถานประกอบกิจการ ประเภทโรงงาน แคมป์แรงงานบริษัท ฯลฯ จะต้องควบคุมในรูปแบบ การป้องกันควบคุมโรคเฉพาะพื้นที่ (Bubble and Seal) ส่วนแคมป์ก่อสร้างเขตพื้นที่กทม. และปริมณฑลให้ดำเนินกิจการได้ ภายใต้มาตรการ Bubble and Seal

ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 -31 สิงหาคม 2564  โดยจะมีประเมินใน 2 สัปดาห์หลังออกประกาศ