อาร์เจนตินาแชมป์บอลโลก แต่ล้มละลายทางเศรษฐกิจ
ชาวอาร์เจนตินานับแสนคนได้มีโอกาสออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนอีกครั้ง เมื่อทีมชาติของตนสามารถเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสในแมตช์ชิงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งที่ผลออกมา 4-2 ทำให้อาร์เจนตินาสร้างสถิติแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 นับจากปี 1978, 1986 และ 2022
ฟุตบอลลูกกลมๆคงทำให้ชาวอาร์เจนตินา 46 ล้านคน แม้กระทั่งวิญญาณของ “ดิเอโก มาราโดนา” อดีตนักเตะชื่อดังที่เคยพาทีมอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1986 มีความสุขกันไปได้อีกสัก1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงอันแสนเจ็บปวดกับสภาพชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่
อาร์เจนตินาเคยเป็นชาติที่มั่งคั่งติด TOP 10 ของโลกจนชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปขุดทองและปักหลักทำมาหากิน กระทั่งเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยต้องอาศัยคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงจะได้เป็นผู้ปกครอง นักการเมืองอาร์เจนตินาคิดง่ายเลือกใช้นโยบาย “ประชานิยม” แบบเดียวกับที่นักการเมืองในแดนสารขัณฑ์เรียกว่า “ประชารัฐ” ด้วยการใช้งบประมาณไปทุ่มดูแลผู้มีรายได้น้อยและผู้ใช้แรงงานที่เชื่อว่าเป็นฐานเสียง จนรัฐบาล “ถังแตก” ต้องกู้ยืมเงินจากต่างประเทศมาแก้ไขสถานการณ์ในประเทศ
ปี 2018 รัฐบาลอาร์เจนตินากู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จำนวน 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยทำสัญญาแบ่งชำระหนี้เป็นงวดๆงวดสุดท้ายคือปี 2024 ซึ่งช่วงเวลา 6 ปีก็น่าจะเพียงพอหากรัฐบาลบริหารประเทศได้ดีตามกรอบของ IMF
แต่ถือเป็นโชคร้ายที่ต้องมาเจอการระบาดของโควิด-19 แล้วรัฐบาลเลือกใช้ความเด็ดขาดสั่งล็อคดาวน์ทั้งประเทศอย่างยาวนานจนระบบเศรษฐกิจที่ทำท่าจะฟื้นไข้ กลับกลายเป็นติดไข้ซ้ำซาก เติมด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ลากราคาน้ำมันขึ้นสูง ลากอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยาน ลากราคาสินค้าขึ้นติดเพดาน เกิดความผันผวนในค่าเงินจนหนี้สินต่างประเทศที่กู้มาเพิ่มพูนสูงขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้นยังมาเจอเงื่อนไขมหาโหดของ IMF ที่สั่งห้ามประชานิยม ห้ามอุ้มค่าสาธารณูปโภค ห้ามอุ้มค่าแรงงาน ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงเพื่อกดเงินเฟ้อ ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้ภาคเอกชน ฯลฯ การแก้ปัญหาระบบเศรษฐกิจจึงกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหาแก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และคนยากจนในสังคม
ชาวอาร์เจนตินาที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและรู้ว่าต้องร่วมแบกรับหนี้ประเทศทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนกู้ เคยพร้อมใจกันออกมาเดินประท้วงกลางเมืองหลวงเรียกร้องให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายหนี้คืนIMF
แต่รัฐบาลอาร์เจนตินารู้ดีว่าหากไปเบี้ยวหนี้IMF โดยประกาศ “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” เลียนแบบนักธุรกิจไทยคงเจอบทลงโทษหนักแน่ แต่ถ้าจะให้จ่ายตามกำหนดจากหนี้ที่เหลือ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.44 ล้านล้านบาท ซึ่งถึงกำหนดต้องชำระ 19,000 ล้านดอลลาร์ ในสิ้นปี 2022 อีกจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์ฯในปี 2023 ที่เหลือ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ก็เป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็ญกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังเผชิญอยู่
วันนี้ที่อาร์เจนตินาเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน 92.40 % คาดว่าจะถึง 95%ในสิ้นปี2022 อัตราดอกเบี้ย 75% จะสูงขึ้นอีกเพื่อคุมเงินเฟ้อ อัตราความยากจน 42 % ของจำนวนประชากร ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน 57.7% อัตราการว่างงาน 10%
จากชาติที่เคยมั่งคั่งที่สุดในลาตินอเมริกา มาถึงวันนี้ประชากรมากกว่า 1 ใน 3 อยู่ใต้เส้นความยากจน ขาดความมั่นคงทางด้านอาหาร ภาพที่กลายเป็นความคุ้นชินคือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องขุดคุ้ยกองขยะเพื่อหาทั้งของใช้ หาอาหาร และเศษขยะนำไปขายหาเงินประทังชีวิต
เมื่อรัฐบาลที่ครองอำนาจมาถึงทางตัน เด็กและเยาวชนที่ยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งจึงเป็นกลุ่มที่ต้องทิ้งไว้ข้างหลังก่อน
Don’t Cry for Me Argentina