29/03/2024

วันที่ 9 เดือน 9 แผนสู้ศึกเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล

 

 

สัมภาษณ์พิเศษ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

หัวหน้าพรรคก้าวไกล

 

          “พรรคก้าวไกลมาไกล  แต่สิ่งที่พาเรามาจากอดีตถึงปัจจุบันไม่อาจพาเราไปสู่อนาคตอันใกล้ได้  ต้องมีการปรับโฉมใหม่ของพรรคทั้งด้านนโยบาย  การสื่อสาร การเข้าหาสื่อ  การลงพื้นที่  การทำหน้าที่ในสภา  การระดมทุน  การเอาอาสาสมัครเข้ามาช่วย ”

 

เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 จากคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท  และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี  มีผลให้แกนนำพรรคคนสำคัญ อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ปิยบุตร แสงกนกกุล  และพรรณิการ์ วานิช ต้องยุติบทบาทในสภา  ส่งผลให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นดาวเด่นต้องรับไม้ต่อเป็นผู้นำทัพคนใหม่ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล  โดยได้แสดงฝีมือและฝีปากในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา  พร้อมเตรียมจัดทัพใหม่เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ในปี 2566

 

 

lประเมินผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่พรรคส่งคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ลงสมัคร ได้อันดับ 3 และได้ สมาชิกสภากทม. 14 เขต ถือว่าบรรลุเป้าหมายเพียงใด  และจะทำงานการเมืองในพื้นที่กทม.ต่อไปอย่างไร

ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากทม.ที่ผ่านมา  เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปผู้คนรู้สึกอย่างไร  คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ได้เป็นแค่ผู้ว่าฯกทม. แต่เหมือนเป็นฉันทามติใหม่  สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในเมืองไทย  คะแนนเสียงกว่า 1.38 ล้านคะแนน คือความต้องการการเปลี่ยนแปลง  ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว  ต้องการเห็นวิธีการคิด วิธีการทำงานที่ไม่ใช่นักการเมืองแบบเก่า

ในส่วนของพรรคก้าวไกล คุณวิโรจน์มาที่ 3 แพ้ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 2 ไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย  เมื่อย้อนกลับไปดูทำให้เรานึกถึงอารมณ์ของการเลือกตั้งที่ผู้คนต้องการคนที่สามารถทำงานได้กับทุกฝ่ายและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง  ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้  เมื่อเทียบกับผู้ว่าฯที่ต้องการพุ่งชน และแก้ปัญหาทางโครงสร้าง  จึงเป็นเรื่องที่ต้องจัดเรียงกระบวนท่าว่าอันไหนคือเรื่องระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว  ที่พรรคก้าวไกลจะต้องเอามาปรับใช้กับการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ส่วนใหญ่เราจะเน้นเรื่องโครงสร้าง  การทลายทุนผูกขาด  การกระจายอำนาจ  รัฐ-ราชการรวมศูนย์ต้องหยุด  ล้วนเป็นเรื่องโครงสร้างในระยะยาวที่รัฐบาลสองสมัยถึงจะทำได้  แต่ตอนนี้มีเรื่องโควิด-19  เรื่องวิกฤติภูมิรัฐศาสตร์  ของแพงค่าแรงถูก  ผู้คนต้องการคำตอบระยะสั้น  ดังนั้นบทเรียนจากสนามกทม.  เรื่องนโยบายยังเน้นโครงสร้างเหมือนเดิมเพราะเป็นลายเซ็นต์ของพรรคก้าวไกล  แต่ต้องมีนโยบายระยะสั้น กลาง ยาว ที่แก้ไขปัญหาได้ทันที

ผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภากรุงเทพฯ หรือ ส.ก.ที่ได้มา 14 เขต เทียบแล้วยังเท่าเดิม  แปลว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่  เอาคุณธนาธร(จึงรุ่งเรืองกิจ) คุณปิยบุตร(แสงกนกกุล) คุณช่อ(พรรณิการ์ วานิช) ออกไป  ไม่สามารถทุบทำลายแนวทางหรือวิธีคิดของคนรุ่นใหม่ในการทำการเมืองอย่างพรรคก้าวไกลได้  คนกรุงเทพฯยังให้การสนับสนุน  แต่ขณะเดียวกันเราอยู่มา 3 ปีกว่าได้พิสูจน์ฝีมือในสภามาพอสมควรแล้ว  คะแนนก็ยังไม่เพิ่มขึ้น  เราเหลือเวลาอีกประมาณ 8 เดือนก่อนจะครบวาระรัฐบาล ก่อนจะมีการเลือกตั้ง  พรรคก้าวไกลตอนนี้ไม่ใช่พรรคใหม่จึงมีโจทย์และความท้าทายสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป

 

lสรุปชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าเลือกตั้ง 2566 ใช้สูตร บัตร 2 ใบ หาร 100 ตามร่าง กกต. จะมีปัญหาอะไรซ่อนไว้อีกไหม

จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือ  จะต้องเอาตัวหารที่สอดคล้องกับการแก้ปัญหา ณ ปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันคือต้องหาร 100  ตามกระบวนการที่ดำเนินการมากว่า 2 ปีในสภา  แต่ก็มิใช่ว่าจะเป็นระบบที่สมบูรณ์ที่สุดหรือดีที่สุดสำหรับการเมืองไทยนะ

สิ่งที่น่าเศร้าใจคือรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่จะเป็นระเบิดเวลาซึ่งเราเสนอให้แก้ไขทั้งฉบับเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทบ้านเมือง บริบทกฎหมาย  แต่ถูกลดทอนให้แก้เฉพาะกฎ กติกาการเลือกตั้งที่เกี่ยวกับนักการเมือง  และการเข้าสู่อำนาจแค่นั้น

 

 

lเรื่องวาระนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าจะออกมารูปไหน

ผมก็นับเลขเป็นและไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ตั้งแต่แรก  เมื่อรู้ว่าประชาชนอยู่ภายใต้การนำของผมมา 8 ปีก็ไม่จำเป็นต้องให้เรื่องไปถึงสภา  ไม่ต้องไปเปลืองเวลาศาลรัฐธรรมนูญ  แต่ด้วยการที่ต้องการสืบทอดอำนาจ  หาวิธีจะให้ตัวเองไปต่อให้ได้  เรื่องง่ายจึงกลายเป็นเรื่องยาก  เรื่องสามัญสำนึกจึงไม่ค่อยมี

เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนารมณ์ตอนร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคุณมีชัย (ฤชุพันธุ์) และคุณสุพจน์ (ไข่มุกต์) ก็พูดไว้ชัดเจนในรายงานว่าคณะรัฐมนตรีที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้มาจนถึงตอนนี้  นั่นคือรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557  จัดตั้งรัฐบาลเดือนสิงหาคม 2557  แม้จะก่อนมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้  แต่ก็มีความต่อเนื่องตามภาษารัฐศาสตร์ คือ Continuation of Power  และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือต้องการที่จะจำกัดอำนาจนั้น

แม้ตอนหลังคุณสุพจน์จะออกมาแสดงความคิดเห็นที่ขัดกับรายงานการประชุมในอดีต  แต่นักรัฐศาสตร์และนักนิติศาสตร์  ต้องเอาความเห็นตอนที่ยังไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย  ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่บริสุทธิ์กว่ามาพิจารณา  แต่ตอนนี้เหตุกำลังจะเกิดและชัดเจนว่าผู้แสดงความคิดเห็นมาจากใครมากับใคร  แม้คุณสุพจน์จะกล่าวว่าความคิดเห็นไม่ใช่มติ  แต่ในทางนิติศาสตร์นั้นความคิดเห็นที่มีการบันทึกไว้ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน  เป็นเบาะแสว่าตอนนั้นคิดอะไรกันก่อนที่จะคลอดมันออกมา  แต่ตอนนี้พอคลอดแล้วเห็นว่าผลลัพทธ์เป็นยังไงถึงให้ความเห็นอีกทีหนี่ง

กรณีที่บิ๊กป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้อีก 2 ปีนั้น  เป็นเพียงการโยนหินถามทาง  ซึ่งขัดหลักกฎหมายและขัดอารมณ์ของสังคม  แต่กฎหมายก็เป็นอะไรที่ดิ้นได้  ตีความได้หลายรูปแบบ

เพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจนพรรคก้าวไกลร่วมกับพรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ  หวังให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ให้เป็นนิติรัฐนิติธรรมของประเทศนี้ให้ประชาชนเคารพศรัทธา

มีข้อสังเกตุว่าก่อนหน้านี้อยู่ดีๆลุงตู่ขึ้นมาพูดเรื่อง “ยุทธศาสตร์ 3 แกน” จะเชื่อมโครงสร้างประเทศไทย  จะให้ประเทศไทยเป็นแหล่ง EV อันดับ 1  จะให้คนยากคนจนเข้าถึงระบบธนาคารได้  ซึ่งผมเรียกว่า “สามกลวง”ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ    ลุงตู่บอกว่ายุทธศาสตร์ 3 แกนนั้นอีก 2 ปีจะผลิดอกออกผล  เป็นการส่งสัญญาณว่าจะอยู่ต่ออีก 2 ปีใช่ไหม  ต้องถามประชาชนว่าสภาพชีวิต 8 ปีที่ผ่านมาดีขึ้นหรือเปล่า  และถ้าต้องทนอยู่อีก 2 ปีจะทนได้หรือไม่

หากเราหมดหวังกับเรื่องเหล่านี้แล้วเขาจะอยู่ต่ออีก 2 ปี  กระแสจะตีกลับ  ประชาชนต้องออกมาเลือกตั้งให้มากที่สุดให้เป็นฉันทนามติ  ให้เห็นชัดๆเหมือนกับการเลือกผู้ว่าฯกทม.  ให้การฟอร์มรัฐบาลได้เกินกว่า 300 เสียง  เพื่อจะดูว่า ส.ว.250 เสียงที่จะร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี จะกล้าขัดใจเสียงประชาชนส่วนใหญ่ไหม

 

 

lการเลือกตั้งปี 2566 ที่กำลังจะมาถึง  พรรคก้าวไกล 52 ที่นั่ง มีปัจจัยใดที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจะ ก้าวไกลทั้งแผ่นดินตามแคมเปญที่ประกาศไว้

แคมเปญ “ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”ในเชิงปริมาณเราต้องการจำนวนส.ส.เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 52 ที่นั่ง  ต้องมีส.ส.เขตให้มากที่สุดครอบคลุมถึงทุกภูมิภาครวมถึงภาคใต้ซึ่งส่วนใหญ่พรรคฝ่ายค้านจะทำพื้นที่ได้ยาก  เราจึงต้องกลับมาทบทวนว่าพรรคจะต้องทำอะไรใหม่บ้าง

แผนการเลือกตั้ง ต้องกำหนดพื้นที่เป้าหมาย เช่นการป้องกันแชมป์  การหาทางเอาชนะพื้นที่ที่เคยแพ้การเลือกตั้งเพียงเล็กน้อย  พื้นที่ที่มีคะแนนพื้นฐานเกินค่าเฉลี่ย 2 หมื่นคะแนน

สุดท้ายคือการกลับมาปฏิรูปตัวเอง 3 เรื่องคือ คน นโยบาย และพรรค  มิติของคนต้องเตรียมตัวให้ดีกว่าเดิมเพราะถูกประชาชนถามเรื่อง “งูเห่า”เยอะ  ต้องปรับปรุงกระบวนการคัดสรรคน  การสัมภาษณ์  การทดลองทำงาน  ตรวจสอบประวัติก่อนจะส่งชิงผู้แทน  เรื่องนโยบายไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างโครงสร้างกับปากท้อง  ต้องเป็นนโยบายที่เป็นเรื่องเดียวกันและเราต้องแก้ปากท้องก่อน  ส่วนเรื่องพรรค คือต้องระดมสมองระหว่างประชาชนกับพรรค

พรรคก้าวไกลมาไกล  แต่สิ่งที่พาเรามาจากอดีตถึงปัจจุบันไม่อาจพาเราไปสู่อนาคตอันใกล้ได้  ต้องมีการปรับโฉมใหม่ของพรรคทั้งด้านนโยบาย  การสื่อสาร การเข้าหาสื่อ  การลงพื้นที่  การทำหน้าที่ในสภา  การระดมทุน  การเอาอาสาสมัครเข้ามาช่วย  เหล่านี้เป็นมิติที่ต้องปฏิรูปพรรคในหลายๆรูปแบบ  และจะเห็นเป็นรูปธรรมในวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเปิดแผนสู้ศึกเลือกตั้ง  เวลาที่เหลือจะเป็นการเปิดตัวผู้สมัคร  เปิดนโยบาย  เปิดการปรับตัวของพรรค  สั่นกลองรบไปเรื่อยๆจนถึงวันที่รบจริง

จุดยืนของพรรคคือการสรรหาฉันทามติใหม่ร่วมกัน  ไม่เปลี่ยนไปแบบสุดโต่งและไม่อยู่กับที่  เราต้องการให้ประเทศไทยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัติย์เป็นองค์พระประมุข  อยู่เหนือประชาธิปไตยแต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

พรรคก้าวไกลไม่ดูถูกประชาชนกลุ่มใด  เรามั่นใจคนรุ่นใหม่แต่ก็ไม่ประมาท  ยุคสมัยนี้ไม่มีของตายว่าเอาเสาไฟฟ้าลงก็ยังชนะ  หรือคนกลุ่มนี้ยังไงก็เลือกพรรคนี้ไม่มีเปลี่ยน  ยุคนี้อะไรก็ลื่นไหลได้ตลอด  ถ้าเราทำได้ดีเราก็มั่นใจว่าจะเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่  เป็นผู้นำที่สามารถจะดึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่มาร่วมกันพัฒนาประเทศได้  แต่เราไม่ประมาทที่จะทำให้เขาผิดหวังแล้วหันไปหาพรรคการเมืองอื่น

 

lการเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร

เชื่อว่าการเมืองจะกลายเป็นพรรคใหญ่สองขั้วแข่งกัน  ข้อดีคือการเมืองมีเอกภาพมากขึ้นในการทำงาน  แต่อาจจะเกิดการหลงลืม ละเลยหลายๆเรื่องที่ไม่ใช่ปัญหาหลักของประชาชน เช่น สิ่งแวดล้อม  ความหลากหลายทางเพศ  เรื่องชาติพันธุ์

ระบบเลือกตั้งใหม่พรรคเล็กๆไปไม่ได้แน่อาจจะต้องควบรวมกับพรรคใหญ่  ส่วนพรรคขนาดกลางก็ยังเป็นทางเลือกของประชาชน

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *