จีน : ผู้นำระเบียบโลกใหม่
รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม
ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแบบก้าวกระโดดในช่วง 4 ทศวรรษ การพัฒนาทางด้านการทหารที่ประกาศว่ากองทัพไม่ได้มีไว้แค่แสดงการสวนสนาม และเกมการเมืองระหว่างประเทศที่มี ความเป็นผู้นำในเวทีโลก มีความแข็งกร้าวขึ้นและพร้อมจะตอบโต้กับมหาอำนาจเก่าตะวันตก คือสัญญาณการเสื่อมสลายของ “ระเบียบโลกเก่า” พร้อมๆกับกำเนิดของ “ระเบียบโลกใหม่” ที่มีสาธารณรัฐประชาชนจีนถือธงนำหน้ากระนั้นหรือ กองบรรณาธิการ The Leader Asia ได้มีโอกาสสนทนากับ รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทบาทของจีนในเวทีโลกปัจจุบัน
จีนมีPosition ชัดเจนว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกพหุภาคี และจีนอาจใช้คำสวยๆว่า “การสร้างประชาคมที่มีอนาคตหรือชะตากรรมร่วมกันของมวลมนุษยชาติ” สำหรับไทยเรานั้นวิธีการคิดเช่นนี้เป็นการคิดที่ถูกต้องทั้งโดยหลักธรรมชาติ ในเมื่อจีนคือเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดก็ต้องมีภารกิจที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตต่อไปได้ ในแง่ของประชากร จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก เขาจึงสามารถเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ ในแง่ประวัติศาสตร์ จีนพูดตลอดเวลาว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 5,000 ปี เขาอยู่มานานที่สุดจึงมีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำได้ ดังนั้นโดยทางธรรมชาติเขาเป็นผู้นำอยู่แล้ว เราจึงไม่ควรที่จะไปทำอะไรที่เป็นการต่อต้านหรือฝืนธรรมชาติเพราะในที่สุดคนเราก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้ ดังเช่นที่เราฝืนธรรมชาติแล้วเจอโลกร้อน ฝืนแล้วเจอโรคอุบัติใหม่
คำถามต่อมา แล้วโมเดลของจีนนั้นดีเพียงพอที่จะเป็นผู้นำของโลกได้หรือเปล่า ถ้าในเรื่องของเศรษฐกิจคุณจะเรียกมันว่าสังคมนิยมอัตตลักษณ์จีนตามแนวคิดสี จิ้นผิง สำหรับยุคใหม่หรืออะไรก็ตาม แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนผสมระหว่างทุนนิยมกับสังคมนิยมที่ถูกทดลองใช้ในจีนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และพิสูจน์ตัวเองด้วยระยะเวลาไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการปกครอง รูปแบบเศรษฐกิจมาในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นสำหรับจีนเป็นโมเดลที่ถูกต้อง แต่ข้อดีของจีนคือจีนไม่เคยบังคับว่าคนอื่นจะต้องใช้โมเดลของจีน จีนจะแตกต่างจากยุโรปและอเมริกา ในช่วงสงครามเย็นจีนก็ไม่ได้เป็นสังคมนิยมที่เกรี้ยวกราดก้าวร้าวแบบโซเวียต
สหรัฐอเมริกาใช้ประชาธิปไตยมีประธานาธิบดีแล้วดี ระบบกลไกการตลาดแบบอเมริกาใช้ในอเมริกาแล้วดีจริงๆ อเมริการักเพื่อนเลยบังคับให้ทุกคนใช้แบบเดียวกับที่อเมริกาคิดว่าดี ซึ่งคำถามคือบริบทของไทย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี เหมือนอเมริกาไหม
กลับมาถามว่าแล้วใช้หลักการอะไรที่จะให้จีนเป็นผู้นำ หลักการสำคัญของจีนที่เคยพูดสมัยโจว เอิน ไหล กล่าวกับ ยาวาฮาร์ลาล เนห์รู(อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย) เมื่อทศวรรษ 1950 คือ “Five Principles of Peaceful Coexistence ” หรือ 5 หลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประกอบด้วย 1.การเคารพซึ่งกันและกันในเรื่องของอำนาจอธิปไตย 2.เคารพซึ่งกันและกันในเรื่องของบูรณภาพแห่งดินแดน 3.เคารพซึ่งกันและกันในเรื่องของกิจการภายในของแต่ละประเทศ 4.การแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันและเอาผลประโยชน์ที่ได้มาแบ่งกันเพื่อนำไปสู่ 5.การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
อย่างไรก็ตามในข้อ 4 นั้นเราก็ต้องพึงระวังเพราะขนาดที่แตกต่างกันทั้งเศรษฐกิจ ประชากร กองทัพ อำนาจการต่อรองที่แตกต่างกัน จะบางปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรมหรือเปล่า เรื่องนี้ประเทศที่รับความช่วยเหลือ รับความร่วมมือกับจีนอาจจะต้องเก็บไว้ในใจด้วย ว่ามีผลประโยชน์ร่วมกับจีนนั้นถูกต้อง แต่อำนาจการต่อรองที่จะแบ่งปันผลประโยชน์กับจีนอย่างยุติธรรมมีหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ต้องเร่งหาวิธีการ เช่นไทยเวลาคุยกับจีนก็ต้องคุยในลักษณะของอาเซียน ประเทศเล็กประเทศน้อยตลอดเส้นทาง BRI ก็ควรต้องคำนึงถึง ทุกประเทศมีภารกิจในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติจีนก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของเขา เมื่อผลประโยชน์ออกมา 100 แล้วจีนต้องการ 95 มันก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ เพราะถ้าเราทำได้เราก็ต้องทำแบบนั้น ประเทศเล็กจึงต้องสร้างอำนาจต่อรองว่าผลประโยชน์ที่ได้ต้องแบ่งปันกันอย่างยุติธรรมนะ แต่ยุติธรรมก็อาจจะไม่ใช่ 50 : 50 นะ มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละประเทศ
โมเดลจีนดีพอที่จะเป็นผู้นำโลกหรือเปล่าในปัจจุบัน
บทบาทในความเป็นผู้นำโลกของจีนนั้นมันเป็นไปแล้ว คุณคงไม่สามารถจะไปขัดขวางมันได้ ถ้าถามว่าเป็นโมเดลที่ดีพอหรือเปล่า ในความจริงคือยังไม่มีโมเดลที่ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องปรับตัวให้อยู่กับโมเดลนี้ให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักเจรจากับนานาประเทศเพราะยุโรปกับอเมริกาก็ยังเชื่อในโมเดลเดิม เขายังบังคับให้ทุกคนเป็น Western Liberal Democracy ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแต่ละประเทศควรจะมีอิสระในการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง
สิ่งที่ถูกต้องคือประเทศเล็กประเทศน้อยไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศใหญ่ แต่ละประเทศควรสามารถคิดรูปแบบที่จะกำหนดชะตากรรมประเทศของตัวเอง แต่ตะวันตกไม่เคยยอมรับเรื่องนี้ และตะวันตกคิดว่าจีนจะทำเหมือนกับตัวเอง ตะวันตกยังคงหลงเชื่อว่าตัวเองยังคงเป็นเจ้า คิดว่าคนอื่นจะมาแข่งเป็นเจ้า
สหรัฐอเมริกามีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ( National Security Strategy) ปี 2017 ซึ่งกำหนดทิศทางการทำนโยบาย การดำเนินยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทั้งรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลมลรัฐ และรัฐบาลกลาง โจ ไบเดน เข้ามาก็แค่ปรับนโยบาย 4 ปีให้เข้ากับยุทธศาสตร์นี้เท่านั้น ไม่ว่าพรรคไหนมา ไม่ว่าประธานาธิบดีจะเปลี่ยน แต่ก็จะเดินตามยุทธศาสตร์เป้าหมาย 4 ข้อในระยะยาว
1.ด้านความมั่นคง รักษาชีวิตคนอเมริกัน พิทักษ์ดินแดนมาตุภูมิและวิถีชีวิตอเมริกัน ซึ่งเขามองภัยคุกคามว่าหนึ่งในนั้นคือจีน 2.สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และเขามองว่าคู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือจีน 3.พิทักษ์รักษาวิธีคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย ซึ่งเขามองว่าภัยคุกคามคือจีน 4.เขายังคงเป็นคนจัดระเบียบโลก ซึ่งชาติที่มีศักยภาพพอที่จะเบียดเขาได้คือจีน
ดังนั้นเมื่อ 4 เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯมีจีนเป็นภัยคุกคามจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นวิธีการดำเนินยุทธศาสตร์ ปิดล้อมจีน ปะทะกับจีน
ระเบียบโลกเก่ากับใหม่
ระเบียบโลกที่ผ่านมาเป็นขั้วเดียว ( Unipolarity ) ตั้งแต่โซเวียตล่มสลายในปี 1991 จึงมีแต่สหรัฐอเมริกาในการจัดระเบียบโลกผ่านกองกำลังสหรัฐฯ และองค์การระหว่างประเทศ ระเบียบที่เกิดขึ้นนั้นก็มีผู้ที่ใช้ประโยชน์จาเติบโตขึ้นมาหลายๆประเทศรวมทั้งจีนด้วย จีนก็รับกฎเกณฑ์ต่างๆของ WTO ( องค์การการค้าโลก) และพัฒนาตนเองขึ้นมา จนตอนนี้ชาติที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะท้าชิงความเป็นเจ้าได้ก็น่าจะเป็นจีน
แต่ระเบียบโลกที่ถูกต้องนั้นควรจะเป็น Multipolarity ที่ไม่จำเป็นว่าจะแค่จีนหรือสหรัฐอเมริกา แล้วกลับเข้าสู่ยุคสงครามเย็น เป็น Bipolarity เพียงสองขั้ว ควรจะเป็นโลกหลายขั้วได้ ยุโรปก็ควรมีบทบาทในการกำหนดกฎกติกา ประเทศไทยและอาเซียนก็ควรจะมีบทบาท เพราะโลกเป็นที่ๆทุกคนอยู่รวมกัน เมื่อด้านการค้าเป็นพหุภาคีนิยม (Multilateralism ) ประเทศเล็กประเทศน้อยมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการกำหนดนโยบายต่างๆ เช่น องค์การการค้าโลก ในด้านการเมืองก็อยากให้สิทธิในการโหวตของ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) น่าจะกระจายตัวมาในเอเชียใต้ แอฟริกา ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่กับชาติยุโรปและอเมริกา
ระเบียบโลกใหม่ที่อยากจะเห็นควรจะเป็นพหุภาคีนิยม ควรจะเป็นหลายขั้ว ที่ทุกประเทศควรมีส่วนกำหนดกฎกติกาด้วยกัน แต่มันก็ยาก ช่วงนี้เป็นการปะทะกันของสองขั้วอำนาจ คือจีน กับพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาที่จะปิดล้อมจีน ตอนนี้กำลังมีการปรับตัวสู่สมดุลใหม่ แต่สมดุลใหม่ยังไม่เกิด ถ้าเกิดแล้วต้องไม่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ
ความจริงขณะนี้อาหารและพลังงานในโลกไม่ได้ลดลง แต่โลกกลับเจอวิกฤติด้านอาหารและพลังงาน วิกฤติเงินเฟ้อ ก็เพราะมีการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ มีการกีดกันทางการค้า ประเทศเล็กประเทศน้อยจึงได้รับผลกระทบหนักที่อาจจะลามไปยังประเทศระดับกลาง
เกมส์จะแฟร์เพลย์หากมีกฎกติกาที่ชัดเจน กรรมการที่ชัดเจน และผู้เล่นที่มีแต้มต่อเพื่อความยุติธรรม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือบางประเทศพยายามเป็นคนร่างกติกา เป็นกรรมการ และเป็นผู้เล่นที่มีแต้มต่อซึ่งไม่แฟร์