ยุทธศาสตร์ 2 ขา พร้อมสู้หาร 100/500
สัมภาษณ์พิเศษ
นายอุตตม สาวนายน
หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย
จากการชักชวนของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำให้นักวิชาการอย่าง อุตตม สาวนายน ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาล คสช. ส่งผลต่อเนื่องในการร่วมก่อตั้งและรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2562 แล้วเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
หลังจากถูกเขี่ยออกจากพรรคพลังประชารัฐ “ทีม 4 กุมาร” ได้ออกมาร่วมตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยโดยอุตตมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ขณะนี้กำลังจัดทัพเพื่อลงสู้ศึกการเลือกตั้งปี 2566 ประกาศจะเป็นพรรคทางเลือกของคนไทยและทางเลือกของพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษสำหรับ The Leader Asia
วิเคราะห์การเมืองนับจากนี้ไปจนถึงครบวาระของรัฐบาลในเดือนมีนาคม 2566 คาดว่าสถานการณ์การเมืองในแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร
การเมืองร้อนแรงขึ้น มีการเคลื่อนไหวของพรรคหลักเดิมและพรรคการเมืองใหม่ๆที่เกิดขึ้นรวมทั้งพรรคสร้างอนาคตไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาย่อมมีผลทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคมเรื่องเวลา 8 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นอีกจุดที่ต้องติดตาม
รัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เพราะยังคุมเสียงในสภาได้ แต่ผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะช้ำแค่ไหน เพราะสถานการณ์ทั่วไปทางเศรษฐกิจจากนี้ไปคงยังไม่กระเตื้องขึ้น ในเวทีโลกประเทศหลักที่เป็นคู่ค้าของไทย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ต่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยความระมัดระวังและมีความกังวลมาก ไทยซึ่งทำการค้าส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ยังไม่ชัดเจนว่าจะหลุดพ้นจากภาวะปัจจุบันได้อย่างไร รัฐบาลพ้นการอภิปรายมาได้แต่ผลกระทบจะตามมาในระยะเวลาที่เหลือ
ในเรื่องศาลรัฐธรรมนูญมีข้อถกเถียงทางกฎหมายอยู่แล้ว หากนายกรัฐมนตรีได้ไปต่อ สุดทางของรัฐบาลชุดนี้คือเดือนมีนาคม 2566 จะมีการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆในการวางตำแหน่งของพรรคให้อยู่ในจุดที่เข้มแข็งพร้อมลงสนามมากที่สุด นั่นหมายความว่าการจัดหาตัวผู้สมัครในพื้นที่ ซึ่งส่วนหนึ่งคือการเคลื่อนไหวของส.ส.ปัจจุบันว่าจะขยับไปไหนอย่างไร ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะเริ่มคิดถึงการทำงานในพื้นที่เพราะเป็นการเริ่มนับถอยหลังแล้ว ต้องคิดว่านายกฯจะเลือกยุบสภาหรือไปสุดทางซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจย้ายค่าย
มีนาคม 2566 คือสุดทางรัฐบาลแต่ถามว่าจะไปจนสุดทางจริงหรือไม่ จะยุบสภาก่อนหรือไม่ เป็นอำนาจของนายกฯ เช่น หลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ในเดือนพฤศจิกายน 2565 แล้วจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทยได้เลือกตั้งกันในเดือนมกราคม 2566 หรืออาจจะยุบในเดือนมกราคมก็ยังได้โดยรัฐบาลยังอยู่รักษาการ แต่ถ้ารอจนสุดเดือนมืนาคม 2566 รัฐบาลจะไม่ได้อยู่รักษาการ
หรือหากศาลวินิจฉัยแล้วไม่ได้ไปต่อ ต้องดูว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะเดินหน้าต่ออย่างไร ใครจะถือธงนำทัพต่อไป การเมืองจะเดินอย่างไร
พรรคสร้างอนาคตไทยเตรียมลงสนามเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ไว้อย่างไร การประกาศส่งแข่งขันครบ400 เขต คาดหวังเก้าอี้ส.ส.ไว้แค่ไหน
พรรคฯตั้งใจส่งผู้สมัครลงแข่งขันให้ครบทุกเขต ขณะนี้ได้ตัวผู้สมัครแล้วส่วนหนึ่ง ยังมีเวลาทำงานในการวางตัวผู้สมัครโดยมีส.ส.ปัจจุบันที่สนใจจะเข้าร่วม นักการเมืองที่ไม่ใช่ส.ส. รวมถึงบุคคลที่สนใจติดต่อเข้ามาด้วยเหตุที่เห็นพรรคเราเดินหน้าอย่างจริงจังและมีกระแสพอสมควร เราพยายามจัดทัพ เช่นที่คุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค แม่ทัพกทม.เพิ่งเปิดตัว 26 ผู้ประสานงานพื้นที่กทม. ซึ่งพรรคฯจะทยอยรวบรวมคนและทยอยเปิดตัวต่อสังคม
ในจังหวัดต่างๆพรรคมีผู้แทนทำงานในพื้นที่หรือว่าที่ผู้สมัครระดับหนึ่งแล้ว วันนี้เราเอาจังหวัดหลักๆที่เป็นพื้นที่เป้าหมายก่อนซึ่งเราคิดว่ามีโอกาส ทำงานได้มีเครือข่าย ลงแข่งขันแล้วมีชัยชนะได้ แม้แต่ในพื้นที่ภาคใต้เราก็หวังในชัยชนะ ผมกับคณะได้ลงพื้นที่เป็นระยะ
พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคใหม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเอง แต่สิ่งดีที่เวลาลงพื้นที่แล้วสัมผัสได้คือไม่มีแรงต้านพรรคเรา หมายความว่าประชาชนคนในพื้นที่อย่างน้อยเขาเปิดรับเรา ไม่ใช่ว่าไปแล้วมีเสียงยี้ไม่เอา เขาเปิดรับที่จะฟัง อันนี้เป็นสิ่งที่ดี เราได้โอกาสแนะนำตัวเอง สามารถชี้แจงได้ว่าเราอาสามาทำอะไรให้ประชาชนให้ประเทศ วันนี้เรื่องปากท้องเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องแรก ทีมของเราเป็นทีมเศรษฐกิจโดยเนื้อ เราอาสามาเช่นนี้ตรงๆ
เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 หรือหาร 500 พรรคสร้างอนาคตไทยเลือกแบบไหน
พรรคเราเริ่มทำงานก่อนที่สภาฯจะมีมติเรื่องนี้ ตั้งแต่บัตรใบเดียว หาร 100 แต่ยุทธศาสตร์ของพรรคตั้งแต่ต้นเราเดินทั้งเรื่องเขตและการเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์หรือการใช้กระแสให้พรรค ซึ่งโชคดีที่เราเลือกทางเดินแบบนี้ เราเดิน 2 ขามาตลอด ไม่ใช่ว่าพรรคเล็กเอาแค่เขตจำนวนหนึ่งพอ หรือเอากระแสเป็นหลัก เมื่อเราใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขา เราจึงพร้อมจะสู้ไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500 เป็นข้อเท็จจริงว่าการหาร 500 จะดีต่อพรรคเล็ก พรรคเกิดใหม่ แต่สูตรหาร 500 อาจจะยังไม่จบทีเดียวยังต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ และคราวนี้มีบัตร 2 ใบ ต่างกับคราวที่แล้วบัตรใบเดียวพรรคเล็กแม้จะไม่ได้ส.ส.เขตแต่คะแนนไม่ตกน้ำ เอาไปใช้คำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่คราวนี้ใช้บัตร 2 ใบ แยกส.ส.เขตกับ บัญชีรายชื่อที่เหลือแค่ 100 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคกลางและพรรคเล็กจึงต้องดูให้ดีว่า ครั้งต่อไปคะแนนในเขตจะไม่ถูกนำมาคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ จะอยู่ที่กระแสพรรคอย่างเดียวเลย
ยุทธศาสตร์ของเราที่เดิน 2 ขามาตั้งแต่ต้นจึงไม่ต้องปรับมาก เพียงแต่ทำให้เข้มข้นขึ้นอีกเพื่อให้เขตมีตัวลงที่ใช่ เราไม่ใช่พรรคใหญ่ มีกำลังที่จำกัด ไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นพรรคใหญ่ในครั้งนี้ เราหวังจะเป็นพรรคขนาดกลาง จึงต้องให้ความสำคัญกับบัตรใบที่2 คือเรื่องของปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ซึ่งผมเชื่อว่าเรามีโอกาสพอสมควร เพราะประชาชนที่จะเป็นผู้ลงคะแนนได้ให้ความสำคัญมากในเรื่องของ 1. ตัวผู้นำประเทศ ว่าใครจะเป็นผู้นำประเทศในการนำพาฝ่าวิกฤติ 2. พรรคนั้นมีคนทำงานแค่ไหน ตัวจริงมีไหม
เมื่อกระแสเป็นเช่นนี้พรรคสร้างอนาคตไทยจึงมีโอกาสพอสมควรทีเดียวที่จะเสนอผู้ที่เราคิดว่าเหมาะสมจะเป็นผู้นำพาประเทศและถูกใจประชาชน กับคนทำงานและนโยบาย
การเสนอชื่อดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรเมื่อไม่ใช่พรรคใหญ่
การจัดตั้งรัฐบาลและผู้นำต้องไปรอดูว่าผลการเลือกตั้งตอนนั้นออกมาอย่างไร ส่วนผสมของการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร เรื่องตำแหน่งนายกฯนั้นการเมืองเกิดขึ้นได้เสนอ ถึงเวลามันอยู่ที่ว่าใครเป็นแกนนำ จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่พรรคสร้างอนาคตไทย แกนนำจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลให้มีเสถียรภาพ ขึ้นอยู่กับการเจรจาในทุกประเด็น
ตั้งแต่การประกาศตัว พรรคสร้างอนาคตไทยพูดตั้งแต่ต้นว่า วันนี้บ้านเมืองต้องการคนเข้ามาทำงานแก้วิกฤติ วันนี้ประชาชนเป็นกังวลกับอนาคต พรรคสร้างอนาคตไทยอาสามาตอบโจทย์ตรงนี้ว่าเราเป็นพรรคที่จะมาขอทำงานเรื่องเศรษฐกิจให้ไทยผ่านพ้นวิกฤติ ซึ่งวันนี้หนักและยังไม่เห็นทางออก อนาคตน่าเป็นห่วง วิกฤติจะหมดเมื่อไรไม่รู้ มองไปข้างหน้าอนาคตของคนไทยเป็นยังไง ประเทศไทยในเวทีโลกอยู่ตรงไหนวันนี้ เราเป็นพรรคที่มุ่งมั่นในเรื่องนี้ เราจะไม่ไปข้องเกี่ยวกับการเมืองที่ทำให้เกิดความแตกแยก การเมืองที่เป็นขั้ว เพราะวันนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศต้องพึ่งสรรพกำลังในการแก้ไขปัญหาประเทศให้ได้ ทำงานเพื่อประชาชน ทำงานกับประชาชน นี่คือจุดยืนกลางคือมุ่งไปที่เป้าหมายดังกล่าว ในความเห็นของพวกเราถ้ายังคิดว่าเป็นขั้วกันอยู่มันจะแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องมารวมพลังแก้ปัญหากันแล้ว แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร
การเปิดตัวท่านสมคิดอย่างเป็นทางการเป็นยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของพรรคที่ต้องรอช่วงเวลาในการก้าวเดินที่เหมาะสม