20/04/2024

ยุทธศาสตร์ 2 ขา พร้อมสู้หาร 100/500

 

 

สัมภาษณ์พิเศษ

นายอุตตม สาวนายน

หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย

 

จากการชักชวนของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำให้นักวิชาการอย่าง อุตตม สาวนายน ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  ในรัฐบาล คสช. ส่งผลต่อเนื่องในการร่วมก่อตั้งและรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2562 แล้วเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

หลังจากถูกเขี่ยออกจากพรรคพลังประชารัฐ  “ทีม 4 กุมาร” ได้ออกมาร่วมตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยโดยอุตตมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค  ขณะนี้กำลังจัดทัพเพื่อลงสู้ศึกการเลือกตั้งปี 2566  ประกาศจะเป็นพรรคทางเลือกของคนไทยและทางเลือกของพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่  และนี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษสำหรับ The Leader Asia

 

 

วิเคราะห์การเมืองนับจากนี้ไปจนถึงครบวาระของรัฐบาลในเดือนมีนาคม 2566  คาดว่าสถานการณ์การเมืองในแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร

การเมืองร้อนแรงขึ้น  มีการเคลื่อนไหวของพรรคหลักเดิมและพรรคการเมืองใหม่ๆที่เกิดขึ้นรวมทั้งพรรคสร้างอนาคตไทย  การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาย่อมมีผลทางการเมือง  ศาลรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคมเรื่องเวลา 8 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  จะเป็นอีกจุดที่ต้องติดตาม

รัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เพราะยังคุมเสียงในสภาได้  แต่ผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะช้ำแค่ไหน  เพราะสถานการณ์ทั่วไปทางเศรษฐกิจจากนี้ไปคงยังไม่กระเตื้องขึ้น  ในเวทีโลกประเทศหลักที่เป็นคู่ค้าของไทย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ต่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยความระมัดระวังและมีความกังวลมาก  ไทยซึ่งทำการค้าส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญ  ยังไม่ชัดเจนว่าจะหลุดพ้นจากภาวะปัจจุบันได้อย่างไร  รัฐบาลพ้นการอภิปรายมาได้แต่ผลกระทบจะตามมาในระยะเวลาที่เหลือ

ในเรื่องศาลรัฐธรรมนูญมีข้อถกเถียงทางกฎหมายอยู่แล้ว  หากนายกรัฐมนตรีได้ไปต่อ  สุดทางของรัฐบาลชุดนี้คือเดือนมีนาคม 2566  จะมีการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆในการวางตำแหน่งของพรรคให้อยู่ในจุดที่เข้มแข็งพร้อมลงสนามมากที่สุด  นั่นหมายความว่าการจัดหาตัวผู้สมัครในพื้นที่  ซึ่งส่วนหนึ่งคือการเคลื่อนไหวของส.ส.ปัจจุบันว่าจะขยับไปไหนอย่างไร  ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะเริ่มคิดถึงการทำงานในพื้นที่เพราะเป็นการเริ่มนับถอยหลังแล้ว  ต้องคิดว่านายกฯจะเลือกยุบสภาหรือไปสุดทางซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจย้ายค่าย

มีนาคม 2566 คือสุดทางรัฐบาลแต่ถามว่าจะไปจนสุดทางจริงหรือไม่  จะยุบสภาก่อนหรือไม่  เป็นอำนาจของนายกฯ เช่น หลังการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ในเดือนพฤศจิกายน 2565 แล้วจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทยได้เลือกตั้งกันในเดือนมกราคม 2566  หรืออาจจะยุบในเดือนมกราคมก็ยังได้โดยรัฐบาลยังอยู่รักษาการ  แต่ถ้ารอจนสุดเดือนมืนาคม 2566 รัฐบาลจะไม่ได้อยู่รักษาการ

หรือหากศาลวินิจฉัยแล้วไม่ได้ไปต่อ  ต้องดูว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะเดินหน้าต่ออย่างไร  ใครจะถือธงนำทัพต่อไป  การเมืองจะเดินอย่างไร

 

 

พรรคสร้างอนาคตไทยเตรียมลงสนามเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ไว้อย่างไร  การประกาศส่งแข่งขันครบ400 เขต  คาดหวังเก้าอี้ส.ส.ไว้แค่ไหน

พรรคฯตั้งใจส่งผู้สมัครลงแข่งขันให้ครบทุกเขต  ขณะนี้ได้ตัวผู้สมัครแล้วส่วนหนึ่ง  ยังมีเวลาทำงานในการวางตัวผู้สมัครโดยมีส.ส.ปัจจุบันที่สนใจจะเข้าร่วม  นักการเมืองที่ไม่ใช่ส.ส. รวมถึงบุคคลที่สนใจติดต่อเข้ามาด้วยเหตุที่เห็นพรรคเราเดินหน้าอย่างจริงจังและมีกระแสพอสมควร  เราพยายามจัดทัพ  เช่นที่คุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค แม่ทัพกทม.เพิ่งเปิดตัว 26 ผู้ประสานงานพื้นที่กทม.  ซึ่งพรรคฯจะทยอยรวบรวมคนและทยอยเปิดตัวต่อสังคม

ในจังหวัดต่างๆพรรคมีผู้แทนทำงานในพื้นที่หรือว่าที่ผู้สมัครระดับหนึ่งแล้ว  วันนี้เราเอาจังหวัดหลักๆที่เป็นพื้นที่เป้าหมายก่อนซึ่งเราคิดว่ามีโอกาส  ทำงานได้มีเครือข่าย  ลงแข่งขันแล้วมีชัยชนะได้  แม้แต่ในพื้นที่ภาคใต้เราก็หวังในชัยชนะ  ผมกับคณะได้ลงพื้นที่เป็นระยะ

พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคใหม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเอง  แต่สิ่งดีที่เวลาลงพื้นที่แล้วสัมผัสได้คือไม่มีแรงต้านพรรคเรา  หมายความว่าประชาชนคนในพื้นที่อย่างน้อยเขาเปิดรับเรา  ไม่ใช่ว่าไปแล้วมีเสียงยี้ไม่เอา  เขาเปิดรับที่จะฟัง  อันนี้เป็นสิ่งที่ดี  เราได้โอกาสแนะนำตัวเอง  สามารถชี้แจงได้ว่าเราอาสามาทำอะไรให้ประชาชนให้ประเทศ   วันนี้เรื่องปากท้องเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องแรก  ทีมของเราเป็นทีมเศรษฐกิจโดยเนื้อ  เราอาสามาเช่นนี้ตรงๆ

 

เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 หรือหาร 500 พรรคสร้างอนาคตไทยเลือกแบบไหน

พรรคเราเริ่มทำงานก่อนที่สภาฯจะมีมติเรื่องนี้  ตั้งแต่บัตรใบเดียว หาร 100 แต่ยุทธศาสตร์ของพรรคตั้งแต่ต้นเราเดินทั้งเรื่องเขตและการเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์หรือการใช้กระแสให้พรรค  ซึ่งโชคดีที่เราเลือกทางเดินแบบนี้  เราเดิน 2 ขามาตลอด  ไม่ใช่ว่าพรรคเล็กเอาแค่เขตจำนวนหนึ่งพอ  หรือเอากระแสเป็นหลัก  เมื่อเราใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขา เราจึงพร้อมจะสู้ไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500  เป็นข้อเท็จจริงว่าการหาร 500 จะดีต่อพรรคเล็ก พรรคเกิดใหม่  แต่สูตรหาร 500 อาจจะยังไม่จบทีเดียวยังต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ  และคราวนี้มีบัตร 2 ใบ  ต่างกับคราวที่แล้วบัตรใบเดียวพรรคเล็กแม้จะไม่ได้ส.ส.เขตแต่คะแนนไม่ตกน้ำ  เอาไปใช้คำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ  แต่คราวนี้ใช้บัตร 2 ใบ แยกส.ส.เขตกับ บัญชีรายชื่อที่เหลือแค่ 100 ที่นั่ง  ดังนั้นพรรคกลางและพรรคเล็กจึงต้องดูให้ดีว่า  ครั้งต่อไปคะแนนในเขตจะไม่ถูกนำมาคำนวณปาร์ตี้ลิสต์  จะอยู่ที่กระแสพรรคอย่างเดียวเลย

ยุทธศาสตร์ของเราที่เดิน 2 ขามาตั้งแต่ต้นจึงไม่ต้องปรับมาก  เพียงแต่ทำให้เข้มข้นขึ้นอีกเพื่อให้เขตมีตัวลงที่ใช่  เราไม่ใช่พรรคใหญ่  มีกำลังที่จำกัด  ไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นพรรคใหญ่ในครั้งนี้  เราหวังจะเป็นพรรคขนาดกลาง  จึงต้องให้ความสำคัญกับบัตรใบที่2 คือเรื่องของปาร์ตี้ลิสต์ด้วย  ซึ่งผมเชื่อว่าเรามีโอกาสพอสมควร  เพราะประชาชนที่จะเป็นผู้ลงคะแนนได้ให้ความสำคัญมากในเรื่องของ 1. ตัวผู้นำประเทศ  ว่าใครจะเป็นผู้นำประเทศในการนำพาฝ่าวิกฤติ   2. พรรคนั้นมีคนทำงานแค่ไหน  ตัวจริงมีไหม

เมื่อกระแสเป็นเช่นนี้พรรคสร้างอนาคตไทยจึงมีโอกาสพอสมควรทีเดียวที่จะเสนอผู้ที่เราคิดว่าเหมาะสมจะเป็นผู้นำพาประเทศและถูกใจประชาชน  กับคนทำงานและนโยบาย

 

 

การเสนอชื่อดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรเมื่อไม่ใช่พรรคใหญ่   

          การจัดตั้งรัฐบาลและผู้นำต้องไปรอดูว่าผลการเลือกตั้งตอนนั้นออกมาอย่างไร  ส่วนผสมของการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร  เรื่องตำแหน่งนายกฯนั้นการเมืองเกิดขึ้นได้เสนอ  ถึงเวลามันอยู่ที่ว่าใครเป็นแกนนำ  จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่พรรคสร้างอนาคตไทย  แกนนำจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลให้มีเสถียรภาพ  ขึ้นอยู่กับการเจรจาในทุกประเด็น

ตั้งแต่การประกาศตัว  พรรคสร้างอนาคตไทยพูดตั้งแต่ต้นว่า  วันนี้บ้านเมืองต้องการคนเข้ามาทำงานแก้วิกฤติ  วันนี้ประชาชนเป็นกังวลกับอนาคต  พรรคสร้างอนาคตไทยอาสามาตอบโจทย์ตรงนี้ว่าเราเป็นพรรคที่จะมาขอทำงานเรื่องเศรษฐกิจให้ไทยผ่านพ้นวิกฤติ  ซึ่งวันนี้หนักและยังไม่เห็นทางออก  อนาคตน่าเป็นห่วง  วิกฤติจะหมดเมื่อไรไม่รู้  มองไปข้างหน้าอนาคตของคนไทยเป็นยังไง  ประเทศไทยในเวทีโลกอยู่ตรงไหนวันนี้  เราเป็นพรรคที่มุ่งมั่นในเรื่องนี้  เราจะไม่ไปข้องเกี่ยวกับการเมืองที่ทำให้เกิดความแตกแยก  การเมืองที่เป็นขั้ว  เพราะวันนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศต้องพึ่งสรรพกำลังในการแก้ไขปัญหาประเทศให้ได้  ทำงานเพื่อประชาชน  ทำงานกับประชาชน  นี่คือจุดยืนกลางคือมุ่งไปที่เป้าหมายดังกล่าว  ในความเห็นของพวกเราถ้ายังคิดว่าเป็นขั้วกันอยู่มันจะแก้ปัญหาไม่ได้  ต้องมารวมพลังแก้ปัญหากันแล้ว  แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร

การเปิดตัวท่านสมคิดอย่างเป็นทางการเป็นยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของพรรคที่ต้องรอช่วงเวลาในการก้าวเดินที่เหมาะสม  

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *