29/03/2024

ซีพีเอฟ ยก“เป้าหมายความยั่งยืน” เป็นหัวใจดำเนินธุรกิจ เน้นดูแลบุคลากรอย่างดี ร่วมฟื้นฟูประเทศไทยหลังโควิด-19

1 กันยายน 2563 – บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือภาคธุรกิจชั้นนำภายใต้สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand : GCNT) ใช้แนวทางความยั่งยืน ร่วมเดินหน้าฟื้นฟูประเทศไทยรอบ

ด้านหลังวิกฤตโควิด-19 ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รองรับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ยกระดับความปลอดภัยสูงสุดของบุคลากร   สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงาน ร่วมผลิตอาหารให้เพียงพอเพื่อเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศ   

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวในการเสวนา “Thailand Business Leadership for SDGs 2020” ในหัวข้อผู้นำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามวิถีใหม่ ด้านมนุษยชนและแรงงาน จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย  (Global Compact Network Thailand : GCNT) ว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการการขับเคลื่อนประเทศไทยหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการรอบด้านอย่างเป็นระบบ ให้ธุรกิจดำเนินไปได้โดยไม่หยุดชะงัก  โดยที่บุคลากรเป็นกลไกสำคัญที่ จะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้    

ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการป้องกันและคุ้มครองพนักงานทุกคน โดยออกมาตรการด้านสุขอนามัยและการตรวจสอบทั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงานและหลังปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด โดยยกระดับมาตรการความปลอดภัยสูงสุดทั้งกระบวนการผลิตอาหารและ

พนักงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานได้รับการดูแลอย่างดีและอาหารมีความปลอดภัยสูงสุด สนับสนุนการผลิตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อาหารมีเพียงพอต่อการบริโภค  

จนถึงขณะนี้ บริษัทยังคงมาตรการความปลอดภัยสูงสุดและมาตรการเฝ้าระวังโรคไว้อย่างเคร่งครัด และยังซื้อประกันภัยส่วนบุคคลเพิ่มให้กับพนักงานขายที่ต้องพบปะลูกค้า   เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำงาน ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทฯปฏิบัติมาตั้งแต่เกิดการระบาด ของโรค ควบคู่ไปกับบูรณาการเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเข้าถึงอาหารของประชาชน         

“ซีพีเอฟ เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารด้วยความรับผิดชอบต่อประเทศไทยและคนไทยในรูปแบบของการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงอาหารได้โดยไม่ขาดแคลน และยังถ่ายทอดความมุ่งมั่นเหล่านี้ไปยังพนักงานให้รับผิดชอบตัวเองและ

ประเทศควบคู่กันไป” นายประสิทธิ์ กล่าว

นายประสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากมาตรการสุขอนามัยที่เข้มงวดของพนักงานแล้ว  บริษัทฯ ยังเพิ่มการอบรมทักษะเพื่อรับ New Normal เพิ่มเติมเป็นประสบการณ์ให้พนักงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและป้องกันการว่างงาน ซึ่งในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา

ซีพีเอฟ ไม่มีการปลดพนักงานเลย   

ซีพีเอฟ ตระหนักดีว่าผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกจากโควิด -19 และสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป เป็นปัจจัยนำไปสู่การแข่งขันที่มากขึ้น ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัดของแต่ละองค์กรและของประเทศ จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญให้องค์กรและภาคธุรกิจต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  

“ไม่มีองค์กรไหนอยู่ได้ ถ้าไม่ดูแลคนของเขาให้เพียงพอในทุกระดับ ตั้งแต่บนลงไปข้างล่างด้วยความยุติธรรมและเท่าเทียมกัน” นายประสิทธิ์ กล่าวย้ำ.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *